อดีตรองพิธีกร ปชป.โพสต์ด่าทอราชทัณฑ์สองมาตรฐาน ปล่อยตัวปล่อยใจ “สรยุทธ์” เพราะเป็นคนมีชื่อเสียง ได้จัดรายการทีวีในคุก คนไม่รวยไม่ดังได้แต่ว่ามองตาปริบๆเจอคนเคยตารางตัวจริง “ชูวิทย์” ด่ากลับคนหัวขวดไม่รู้เรื่องกฎข้อปฏิบัติ คนรวยไม่รวยก็พักโทษได้ หากด้านในสบายเพราะเหตุใดน้ำหนักลดพรวด ผมหงอกทั้งหัว แถมคนมีชื่อเสียงจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเป๊ะ ผิดมิได้ โดนร้องทุกข์ในทันที แต่ว่าสังคมไทยต้องการดังไม่รู้เรื่องทำยังไง เลยเกาะกระแสด่าทอไปด้วย
วันนี้ (15 มี.ค.) กรณีที่นายเชาว์ มีขวด อดีตรองพิธีกรพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ “อิสรภาพของสรยุทธกับคำถามราชทัณฑ์สองมาตรฐาน” กล่าวร้ายว่านายสรยุทธได้รับการกระทำจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไม่เหมือนกับนักโทษโดยธรรมดา ได้รับสิทธิพิเศษให้จัดรายการทีวีในคุก ร่วมกับแขกรับเชิญจากภายนอก ทำกับข้าวโชว์กันอย่างสนุก ทำให้การใช้ชีวิตในคุกของนายสรยุทธก็เลยสบาย ไม่เหมือนกับนักโทษคนอื่นอย่างชัดเจน แล้วก็ได้รับการพาสชั้นเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดีเลิศอย่างรวดเร็ว ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 2 ครั้ง ได้รับโทษจำตารางจริงเพียงแค่ 1 ปี 2 เดือน 6 วัน ทิ้งปริศนาให้นักโทษที่มีอัตราโทษในระดับใกล้เคียงกันเข้าสู่คุกพร้อม แต่ว่าไม่รวย และไม่ดังเสมือนนายสรยุทธ ต่างนั่งมองตากันปริบๆผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยก็เลยสงสัยว่า นายสรยุทธ สุทรรศนะจินดา ได้รับการอภัยโทษมาได้เช่นไร เพราะคดีโกงเป็นคดีแนวนโยบายที่ภาครัฐให้ความใส่ใจแล้วก็ปราบปรามอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แม้กระทั่งรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงก็ข้อกำหนดกีดกันคนทุจริตเอาไว้ในหลายมาตรา
“ผมมิได้เกลียดชังที่นายสุรยุทธประพฤติตัวเป็นคนดี ทำความดีในคุก แล้วก็ได้รับการลดโทษ แต่ว่าการได้รับการกระทำที่ไม่เท่าเทียมในคุก 1 ปีเศษ ที่นายสรยุทธดำรงชีวิตอยู่อย่างสบาย แล้วก็ได้รับการพาสชั้นอย่างรวดเร็ว จนได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ หากไม่ใช่เพราะนายสรยุทธเป็นคนรวย คนมีชื่อเสียง จะได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้หรือเปล่า นับว่าเป็นคำถามคาใจที่กรมราชทัณฑ์จะต้องตอบ มิฉะนั้นคำว่าสองมาตรฐาน ตารางไว้ขังคนจน คนรวยไม่ติดตะราง ไปจนถึงรวย ดัง ออกจากตารางง่าย คนจนหมดโอกาสเห็นแสงแดด เพราะใช้ประโยชน์จากข้อแม้การลดโทษไม่เป็น ไม่อยู่ในสายตาคนคุมกฎที่จะเดินเรื่องให้ คุกก็เลยมืดมิดสำหรับคนปริมาณหนึ่ง แต่ว่าสว่างโร่ได้สำหรับบางคนใช่ไหม ผมไม่ต้องการให้การออกจากตารางของนายสรยุทธคราวนี้มีบริบทเรื่องพระคุณจะต้องตอบแทน เพราะคนงานข่าวสารพันล้านคนนี้มีอิทธิพลด้านความคิดต่อหลายๆคน แล้วก็กำลังจะกลับไปปฏิบัติงานด้านสื่อในเร็ววันนี้” นายเชาว์กำหนด
ปรากฏว่าเฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ ดวงใจวิศิษฎ์” ของนายชูวิทย์ ดวงใจวิศิษฎ์ อดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครักเมืองไทย โพสต์ข้อความตอบโต้นายเชาว์ หัวข้อ “อุปนิสัยคน ที่ไม่สมควรเอาเยี่ยงอย่าง” ระบุว่า “ขอเรียนให้คนหัวขวดบางคนที่ไม่รู้เรื่องกฎข้อปฏิบัติของกรมราชฑัณท์ได้รู้ว่า “การพักโทษ” ในแต่ละเดือน นักโทษที่ตรงเกณฑ์พักโทษควรจะเป็นนักโทษที่ทำไม่ดีครั้งแรก ไม่ใช่ทำผิดซ้ำจากจำเจ และไม่เป็นคดีอุกอาจ อย่างคดีฆ่า ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเพศ ข่มขืนกระทำชำเรา เรียงคิวขืนใจ หรือหลอกลวงประชากร อย่างงี้พักโทษมิได้ ที่สำคัญมิได้เป็นการพักโทษสรยุทธเพียงผู้เดียว เพราะร่ำรวย โด่งดัง หรือดวงดีคุณจะต้องทดแทนใครกันแน่แต่อย่างใด แต่ว่าเป็นเพราะได้ตรงเกณฑ์ตามกฎกติกาของกรมราชฑัณท์ คนจนหรือคนรวยติดตะรางก็มีสิทธิจะพักโทษได้เช่นกัน อย่าไปตั้งแง่คนรวยทำเป็น คนจนทำไม่ได้ เปรียบเสมือนตัวเองรู้เรื่องคนจนยิ่งนัก โถ.. รวยหรือจนกระทั่ง เดี๋ยวนี้ติดตะรางเช่นกันหมด
หรือหากรู้สึกว่าข้ามขั้นตอนได้ ลองไปถามบรรดารัฐมนตรี อธิบดี นักการเมืองที่เข้าตารางเพราะคดีสิ้นสุดแล้ว ว่าลัดขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ได้ไหม? การใช้ชีวิตเช่นนักโทษทั่วๆไปเกิดเรื่องลำบากกว่าจะปรับตัวได้ สังเกตดูหน้าตา ร่างกาย ล้วนผ่ายผอม น้ำหนักลดพรวดโดยไม่ต้องรับประทานยาลดหุ่น ผมที่เคยดำก็ขาวหงอกทั้งหัว หากรับประทานอยู่สบายจริง เพราะเหตุใดถึงดูไม่เหมือนกันไปเหมือนกับคนละคน? ต้องการที่จะให้คนพูดไปลองติดตะรางดู มันสบายเสมือนปากสว่างๆที่กล่าวออกมาไหม? ติดตะรางไม่มีสบายหรอก ยิ่งปัจจุบันด้วยแล้ว บรรดานักโทษหรือญาตินักโทษคนอื่นต่างจะต้องร้องทุกข์กันในทันที ไม่มีเบรคครับ เพราะอิสรภาพทุกคนต้องการเช่นกันหมด คดีที่ทำให้คุณสรยุทธติดตะราง นับว่าเป็นคดีแนบท้ายมาตราเมื่อมีอภัยโทษ อันแสดงว่า แม้ว่าจะได้ชั้นดีเลิศก็มิได้ลดแบบนักโทษคนอื่นเขาเสียด้วย เพราะจะถูกลดอัตราส่วนให้ลดลง เป็นต้นว่า ปกติชั้นดีเลิศ ได้ลดโทษ 1 ใน 2 (ภาษาตารางเรียกผ่าครึ่ง) เป็นต้นว่า ติด 8 ปีลดเหลือ 4 ปี ส่วนสรยุทธได้ลดแค่ 1 ใน 3 แสดงว่า ติด 8 ปี ลดได้เพียงแค่ 2 ปีครึ่งแค่นั้น แต่ว่าฟ้าโปรด มีการอภัยโทษ 2 ครั้งในปีกลาย ระหว่างสรยุทธอยู่ในคุก จะไปว่าสรยุทธมีสิทธิพิเศษได้เช่นไร ไม่มีใครทราบว่าจะมีอภัยโทษเมื่อไร? แม้กระทั้งกรมราชทัณฑ์ก็ยังไม่รู้เรื่อง
ส่วนคนยิ่งดัง เข้าตารางยิ่งจะต้องทำใจ เพราะหล่นจากฟ้ามาสู่ดินในตอนข้ามคืน กรมราชทัณฑ์ยิ่งต้องระวัง ทำทุกๆสิ่งทุกๆอย่างตามกฎกติกาเป๊ะ ผิดมิได้ เพราะจะถูกร้องทุกข์จากนักโทษด้วยกันในทันที ในตารางนักร้องเรียนมากครับ หูตาไว ใครกันแน่ได้ข้ามขั้นแซงหน้าสหายเกิดเรื่องแน่ ไอ้ผู้ที่กล่าว เสียดายความรู้ที่เรียนมา เป็นนักการเมืองก็มิได้ เป็นนิสัยคนไทยก็ไม่ใช่ คนทำผิดแล้วไม่หนี เดินก้มตัวเข้าตาราง ยังทำประโยชน์ให้สังคมได้ ดังเช่นคนทำอาหารเป็น ก็ไปทำกับข้าว คนทำไม้เป็น ก็ไปเป็นช่างไม้ คนเคยเป็นอาจารย์ ก็ไปสอนหนังสือนักโทษ ทุกคนล้วนทำตัวมีคุณประโยชน์ต่อราชการ มีระบบระเบียบปรับชั้นได้ สลับกัน หากใครกันแน่ทำผิดกฎระเบียบชกกันในตารางก็โดนปรับชั้นลงได้เช่นกัน โน้ส อุดม เป็นนักแสดงที่น่าเลื่อมใส ที่เข้าไปสร้างคุณประโยชน์ สร้างความรื่นเริงใจในตาราง ไม่ใช่เฉพาะตอนสรยุทธติดแค่นั้น ลองไปดูใน Youtube หลายที่ที่คุณโน้สเข้าไป ทั้งคุกจังหวัดอุทัยธานี แล้วก็อีกหลายคุก สามารถช่วยลดความเครียดในตารางเป็นบางครั้งให้นักโทษได้ แต่ว่าสังคมไทยมักมีคนทำนองนี้ คือต้องการดังแต่ว่าไม่รู้เรื่องจะทำให้ตัวเองดังยังไง เลยจะต้องเกาะกระแสวิจารณ์คนมีชื่อเสียงไปเรื่อย เข้าทำนอง “ต้องการดัง แต่ว่าหาตัวเองไม่เจอ” ที่สำคัญคือไม่มีองค์ความรู้ คนอย่างงี้ไม่มีทางเจริญรุ่งเรือง อยู่ไหนก็ไปหมั่นไส้คนอื่น ตัวเองดี คนอื่นสารเลว แต่ว่าเสแสร้งกล่าวว่ามิได้ชัง
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยเปิดเผยหลายสิ่งหลายอย่างของกรมราชทัณฑ์มากว่า 15 ปี เพราะเคยไปติดจริงตั้งแต่ปี 2546 จนกระทั่งบัดนี้ เห็นด้วยว่ากรมราชทัณฑ์พัฒนาแก้ไขไปๆมาๆกในยุคข้างหลังๆมือถือไม่มี ยาไม่มี แม้กระทั้งบุหรี่ยังไม่มีให้สูบ แต่ก่อนดูดได้เสรีจนกระทั่งก่อนนอน ถามจริงๆคนหัวขวดที่พูดพร่ำเรื่องความชอบธรรม เคยเข้าไปในคุก เคยเห็นภาวะในคุกภายในสักที่หรือเปล่า? สรยุทธต่อสู้คดีถึงฎีกา คืนเงินพร้อมดอก เข้าไปติดตะราง ตรงเกณฑ์พักโทษพิเศษ โทษยังมิได้หมดไป จะต้องใส่กำไล EM จะไปไหนอย่างเสรีก็มิได้ ออกนอกพื้นที่จะต้องขออนุญาต มิได้ข้ามขั้นตอนใดของทางราชทัณฑ์เลยนิดหน่อย คนอย่างงี้ควรจะให้เขาออกมาทำประโยชน์ดีมากยิ่งกว่าไหม? เพราะหากเทียบกับคนไร้ประโยชน์ ที่มัวแต่ออกมาวิจารณ์คนอื่นแล้ว เขายังทำประโยชน์ให้สังคมได้มากกว่าแยะ”
