คงต้องบอกว่า เรือใบสีฟ้า น่ากลัวจริงๆ ในนาทีนี้ เมื่อล่าสุด บุกไปยิงรัวใส่เจ้าบ้านแบบไม่ยั้ง โดยขึ้นนำไปถึง 4-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก ก่อนที่ครึ่งหลังมาได้เพิ่มอีก 1 ประตู ทำให้จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อัด เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 5-0 ทำแต้มแซงแมนยู 1 คะแนน ขยับขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงแล้ว
คงต้องบอกว่า เรือใบสีฟ้า น่ากลัวจริงๆ ในนาทีนี้ เมื่อล่าสุด บุกไปยิงรัวใส่เจ้าบ้านแบบไม่ยั้ง โดยขึ้นนำไปถึง 4-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก ก่อนที่ครึ่งหลังมาได้เพิ่มอีก 1 ประตู ทำให้จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อัด เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 5-0 ทำแต้มแซงแมนยู 1 คะแนน ขยับขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงแล้ว
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2020/21 เมื่อคืนวันอังคารที่ 26 มกราคม 2564 “เดอะ แบ็กกี้ส์” เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เปิดสนาม เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ ต้อนรับการมาเยี่ยมของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้
นาทีที่ 3 กลุ่มเยี่ยมเกือบจะได้ประตูขึ้นนำ ฟิล โฟเด้น เลี้ยงบอลเข้าจุดโทษ ก่อนยิงด้วยซ้าย บอลไปไถล ดาร์เนลล์ เฟอร์ลอง แล้วเปลี่ยนแปลงทาง แต่ทว่า แซม จอห์นสโตน ยังพุ่งปัดบอลไปชนเสาเหลี่ยมนอกเด้งออกไป
GOAL!! แต่แล้ว นาที 6 ซิตี้ ก็ออกนำอย่างรวดเร็ว ยกเอา คันเซโล่ เปิดบอลจากดินแดนข้างหลังให้ อิลคาย กุนโดกัน เอาบอลลงพื้นแล้วสับไกจากหน้าจุดโทษ ตอนนี้ แซม จอห์นสโตน ทำเป็นแต่มองบอลที่พุ่งเข้าไปตุงตาข่าย เรือใบสีฟ้า บุกนำ 1-0
นาที 15 ริยาด ยักษ์เรซ ปั่นด้วยซ้ายจากระยะไกล แต่บอลลอยหลุดกรอบออกข้างหลังไป
GOAL!! นาที 22 กลุ่มเยี่ยมได้ประตูลำดับที่สอง แบบน่าจะมีประเด็นให้ได้เอ๋ยถึงต่อ เมื่อ ยกเอา คันเซโล่ เปิดบอลให้ อิลคาย กุนโดกัน ไปถึงสุดเส้นข้างหลัง ซึ่งไลน์แมนยอมแพ้ว่า เป็นลูกล้ำหน้าไปแล้ว แต่ทว่าผู้ตัดสินมิได้เป่าให้หยุดเล่น กุนโดกัน ก็เลยจ่ายกลับไปให้ คันเซโล่ ปั่นโค้งด้วยซ้ายจากเส้นเขตโทษ บอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเข้าประตูไปแบบสุดสวย แล้ว VAR ก็เลยทำงาน แล้วชี้ว่า จังหวะดังที่ได้กล่าวมาแล้วไม่ล้ำหน้า ทำให้ ซิตี้ ได้ประตูนำห่าง 2-0
นาที 28 เวสต์บรอมวิช ได้ลุ้นบ้าง โรเบิร์ต สน็อดกราสส์ จ่ายให้ คัลลั่ม โรบินสัน ได้ยิงแบบฉีดยาด้วยขวา แต่บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว
GOAL!! แล้วเพียง 2 นาที เป็น ซิตี้ ที่ได้ประตูเพิ่มเติม โรเมน ซอว์เยอร์ส เสียบอลให้ อิลคาย กุนโดกัน รอบๆหน้าจุดโทษ ก่อนที่ กุนโดกัน จะเลี้ยงบอลไปยิงด้วยซ้าย เปลี่ยนเป็นประตูลำดับที่สองของเจ้าตัว และส่งให้ แมนซิตี้ หนีห่างไปเป็น 3-0 ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม
GOAL!! ช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก กลุ่มเยี่ยมได้ประตูที่สี่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เปิดบอลให้ ริยาด ยักษ์เรซ ที่อยู่เกือบจะสุดเส้นข้างหลัง ก่อนจะเลี้ยงหักเข้ากลาง แล้วสับไกยิงด้วยซ้ายเข้าประตูไป เรือใบนำไกลถึง 4-0 และจบครึ่งเวลาแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลัง นาที 48 ริยาด ยักษ์เรซ ได้โอกาสซัดเต็มข้อ แต่บอลไปติดบล็อก
นาที 51 โรดรี้ ลองยิงไกลดูบ้าง แต่ทว่าบอลพุ่งชนชนคานแล้วหลุดออกข้างหลังไป
GOAL!! นาที 57 ประตูที่ห้ามาจนได้ ริยาด ยักษ์เรซ ป้ายบอลเข้ากลางให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แปบอลแบบจ่อๆเข้าประตูไปอย่างราบรื่น ซิตี้ นำ 5-0
เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม ทำให้จบเกมการแข่งขันชิงชัย เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่บุกกระหน่ำ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ไปแบบเละเทะ 5-0 เก็บ 3 คะแนน ทำให้มีเพิ่มเป็น 41 แต้ม จาก 19 นัด แซงหน้า แมนยู ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงของตารางคะแนนได้เสร็จ
คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ : เวสต์บรอมวิช – แมนฯ ซิตี้
รายนาม 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ลงในสนาม
เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน : แซม จอห์นสโตน (GK), ดาร์เนลล์ เฟอร์ลอง, ดาร่า โอเชีย, เซมี่ อาจายี่, คีแรน กิ๊บบ์ส, โรเบิร์ต สน็อดกราสส์, โรเมน ซอว์เยอร์ส, เจค ลิเวอร์มอร์, คาร์แลน แกรนท์, มาเตอุส เปไรร่า, คัลลั่ม โรบินสัน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เอแดร์ซอน โมราเอส (GK), ยกเอา คันเซโล่, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส, โอเล็กซานเดอร์ ซินศาสนาเชนโก้, อิลคาย กุนโดกัน, โรดรี้, ฟิล โฟเด้น, แบร์ทุ่งนาโด้ ซิลวา, ริยาด ยักษ์เรซ, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง