การที่มีหนังจากรัสเซียมาเข้าฉายในบ้านพวกเรา ก็ถือว่าเป็นใจความสำคัญให้น่าสน ว่าน้านนานจะมีหนังจากรัสเซียมาสักเรื่อง ก็ย่อมเป็นหนังที่มีอะไรดี หากไม่ปัดกวาดรางวัลในบ้านมามาก ก็จำเป็นต้องทำเงินถล่มทลายถึงได้นำออกไปขายตลาดต่างแดน เหมือนกันกับ Stray หรือชื่อรัสเซียว่า Tvar แปลว่า “สิ่งมีชีวิต” ดัดแปลงมาจากนิยายระทึกขวัญ ผลงานนิพนธ์ของ ‘แอนนา สตราโรบิเนท ที่ได้รับการตั้งชื่อว่าเป็น สตีเฟน คิง ที่รัสเซีย ตัวคุณเพิ่งได้รางวัล ผู้เขียนดีเยี่ยมที่สุด จากเวที European Science Fiction Award ปี 2018 มาได้ด้วย
ส่งผลให้ Stray เป็นหนังสยองขวัญรัสเซียเรื่องแรกที่ซึ่งสามารถขายไปได้ถึง 30 ประเทศ ฟังดูดีนะครับ ว่าหนังคงจะให้รสชาติแปลกใหม่กว่าหนังสยองขวัญฮอลลีวูดที่สร้างกันออกมาแทบจะล้นตลาด และเป็นไปตามคาดครับ Stray แปลกใหม่จริงครับ มันเป็นหนังสยองขวัญที่ไม่มีฉากสยองเลย ไม่มีฉากไหนที่ชักชวนให้ลุ้นระทึกอย่างที่คุ้นเคย ว่าเดี๋ยวควรต้องสะดุ้ง หรือชักชวนให้จำเป็นต้องเอามือปิดตา ไม่ได้สะดุ้งสักเฮือกกระทั่งอยากได้ฉากตุ้งแช่มาสักจึ้กหนึ่ง ทั้งที่พลอตเรื่องเปิดโอกาสให้ใส่ฉากสยองได้มากมาย
เนื้อหาของหนังก็จำเป็นต้องบอกว่าไม่แปลกใหม่ เป็นพลอตที่ฮอลลีวูดสร้างกันมาไม่รู้จักจำนวนกี่ครั้งแล้วกับการที่คู่ผัว-เมีย ไปรับอุปการะเลี้ยงดูเด็กกำพร้ามา แล้วกลายเป็นเด็กเปรต อิกอร์ และพอลีนา เสีย “วานยา” ลูกชายวัย 6 ขวบ ไปด้วยอุบัตเเหตุรถยนต์ ผ่านมา 3 ปี พอลีนายังอาจไม่มีชีวิตชีวาทำใจกับความสูญเสียไม่ได้ อิกอร์จึงพาพอลีนาไปสถานที่ดูแลเด็กกำพร้าเพื่อให้เลือกรับเด็กชายสักคนมาอุปถัมภ์ มีเด็กให้เลือกล้นหลามแต่พอลีนาก็เจาะจงเลือกเด็กชายประหลาด และยิ่งกว่าประหลาดก็คือเด็กชายคนนี้ เป็นเด็กตัวเล็ก รูปพรรณสัณฐานน่าสยดสยอง ผิวขาวซีด หัวล้าน ตัวไม่มีขนสักเส้น ไม่พูด แต่ส่งเสียงขู่แบบสัตว์ร้าย แถมมีเขี้ยวแหลมน่าสยดสยอง ที่สำคัญเด็กชายคนนี้อยู่ในที่เกิดเหตุ ข้าราชการชายในสถานสงเคราะห์ฆ่าตัวตายด้วยการใช้ปืนจ่อหัวตนเอง
นี้ล่ะครับที่ต้องการจะ เฮ้อออออ ออกมาดังๆหนังไม่พยายามอธิบายเหตุผลอะไรแม้แต่น้อยว่าเพราะอะไรพอลีนาถึงควรต้องเจาะจงเอาเด็กน่าสยดสยองคนนี้กลับบ้าน ทั้งที่น่าสยดสยอง และอยู่ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต ทั้งแม่ชี และตำรวจก็โต้เถียงว่าอย่าเอาเด็กคนนี้ไปเลย มันเป็นแผลร้ายแรงมากสำหรับหนังสักเรื่อง หากเปิดเรื่องด้วยประเด็นหลักแล้วไร้ซึ่งเหตุผลควร มันก็เลยสร้างความตะขิดตะขวงตั้งแต่ต้นเรื่อง แล้วบทหนังก็ยังไม่อาจจะทำให้ผู้ชมเชื่อตามไปกับความประพฤติปฏิบัติขวางโลกของพอลีนาได้ พอเอามาเลี้ยงเด็กแดนนรกก็ยังคงมีคำกริยาเยี่ยงสัตว์ร้าย อิกอร์ไม่เห็นด้วย และขอร้องให้พอลีนาคืนเด็กกลับไปที่สถานสงเคราะห์แต่คุณก็ยืนกรานว่าจะเก็บเด็กไว้ แถมยังตั้งชื่อเด็กน้อยว่า “วานยา” ตามชื่อลูกที่เสียไป
หนังก็เดินเรื่องตามแบบนิยมของหนังสยองขวัญ ด้วยการให้อิกอร์สืบเสาะหาเบื้องหลังเบื้องหน้าเบื้องหลังของเด็กเปรตรายนี้ และหาคำตอบว่าเพราะอะไรผู้ดูแลถึงฆ่าตัวตาย ก็ถือว่าเป็นปัญหาที่วางไว้ให้พวกเราอยากรู้คำตอบถึงที่มาของเด็กเปรต ซึ่งคำตอบก็จัดว่าแปลกใหม่จากหนังฮอลลีวูด เพราะเหตุว่าคำชี้แจงถึงตัวตนของเด็กเปรตนั้นพาเอาหลุดโลกกันไปเลย ซึ่งแปลก แต่ไม่รู้จักสึกเหวอหรืออึ้ง ก็ไม่รู้จักว่าปัญหาที่เกิดกับหนังนี้มีมาตั้งแต่ต้นฉบับที่เป็นนิยายหรือมีการเสริมเติมแต่งโดย โอลก้า โกโรเด็ตสกายา ผู้กำกับคนใหม่ที่เหมารวมตำแหน่งดัดแปลงนิยายมาเป็นบทภาพยนตร์เองด้วย แต่ปัญหาหลักๆของโอลก้า เลย เป็นเขาไม่อาจจะสร้างบรรยากาศสยองให้กับ Stray ได้แม้แต่นิดเลย สร้างภาพยนตร์สยองแต่ไม่มีความน่าสยดสยองเลย ก็จัดว่าสอบตกอย่างไม่น่าให้อภัยแล้วล่ะครับ เอาว่าไม่ใช่แค่หัวข้อนี้ใจความสำคัญเดียวที่ไร้เหตุไร้ผล แต่ในเรื่องยังมีอีกมาก แต่หยิบมาเอ๋ยถึงไม่ได้เพราะเหตุว่าเป็นการสปอยล์
อีกจุดที่รู้สึกอี๊มาก เป็นมาตรฐานซีจีของหนัง ทำออกมาอย่างนี้แล้วเห็นได้ชัดว่าวิทยาการงานวิชวลเอฟเฟกต์ของรัสเซีย ตามหลังจีนอยู่ห่างไกลเลย ฉากโชว์ซีจียาวหลายวินาที แล้วไม่ใช่โชว์แบบมืดๆนะ แต่วางกันสว่าง เต็มหน้าจอให้เห็นจะๆกันไปเลย ว่างานของฉันกากแค่ไหน เพราะอะไรกล้าอวดขนาดนั้นนะ
จะหาตรงไหนมาชื่นชมหนังได้บ้างนะ เอาเป็นงานแสดงแล้วกัน ตัวพ่อแม่น่ะพอผ่านๆไปได้ ไม่มีฉากจำเป็นต้องโชว์ความรู้ความเข้าใจในการแสดงอะไรล้นหลามนัก แต่ที่น่ากล่าวชมเชยเป็นตัวเด็กเปรตนั่นแหละ ที่จำเป็นต้องใส่ความเจริญเข้าไปในตนเองเยอะ ตั้งแต่เป็นเด็กเปรตวิ่งและเดินแบบ 4 ขา กลายมาเป็นผู้เป็นคนมากยิ่งขึ้น แต่งตัวดี มีผมเผ้าและเริ่มคุยติดต่อสื่อสารกับพ่อแม่อุปถัมภ์ หลายๆฉากจำเป็นต้องสื่อความโหดเหี้ยมผ่านทางสายตา นับว่าบทนี้แบกรับภาระหน้าที่สำคัญของหนังเลยล่ะ