จับตาคำสั่ง “ล็อกดาวน์” จะมีจริงไหม แล้วจะ “ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ” หรือเปล่า? หลังโควิดไทยสุดวิกฤติ ยอดติดเชื้อพุ่งครึ่งหมื่นต่อวัน “กรุงเทพธุรกิจ” ชวนเปิดปมปัจจัยสำคัญ พร้อมย้อนดูมาตรการ “ล็อกดาวน์ 2563” เข้มข้นแค่ไหน ใครกระทบบ้าง?
สถานการณ์โควิด-19 ในไทยยังอยู่ขั้นวิกฤติ จนถึงหลักสำคัญ “ล็อกดาวน์” ถูกหยิบมาถกอย่างเอาจริงเอาจัง ปัจจุบัน ศบค. เอง โดยช่วงวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม64 พล.อำเภอณัฐพล นาคการค้า เลขาธิการที่ประชุมความยั่งยืนและมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศปก.ศบค. ก็ออกมาเห็นด้วยถึงกระแสข่าวและก็ความเป็นไปได้ โดยอาจเป็นได้อีกทั้งการ “ล็อกดาวน์เฉพาะจุด” คือ ใน 10 จังหวัดสีแดงเข้ม พื้นที่ควบคุมสูงสุดและก็เอาจริงเอาจัง หรือบางทีอาจจะ “ล็อกดาวน์ทั่วประเทศ” ก็สามารถเกิดขึ้นได้เพื่อควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพียงแค่ความเข้มของมาตรการ อาจลดหลั่นกันลงไปตามเหตุจำเป็นแต่ละพื้นที่
พร้อมกันนี้ พล.อำเภอณัฐพล ยังแจกแจงให้เข้าใจตรงกันด้วยว่า แบบไหนที่เรียกว่า “ล็อคดาวน์” ตามมุมมองของรัฐบาล
“จะต้องเข้าใจคำว่าล็อกดาวน์ดีๆว่าแสดงว่าอย่างไร เมื่อตอน เม.ย.63 นั่นเป็นการล็อกดาวน์ แต่ว่าหลังจากนั้นไม่ใช่การล็อกดาวน์ เป็นการล้มเลิกกิจการ จำกัดการเปลี่ยนที่”
พร้อมรับรองว่า ไม่ได้เลี่ยงการใช้คำว่า ล็อกดาวน์ แต่ว่าจะต้องแจ่มชัด
“คำว่า ‘ล็อก’ เป็นไม่ให้ไปไหน ครั้งหน้าๆมาพวกเราก็สามารถให้ไปไหน มาไหนได้ แต่ว่าเมื่อไหร่ที่จำเป็นจะต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์จริงๆล็อกดาวน์บางระยะเวลา หรือล็อกดาวน์บางพื้นที่ จะต้องแจ่มชัด ซึ่งล็อกดาวน์จริงๆนิยามของ ศบค. คือ เม.ย.2563 แต่ว่าถ้าเกิดหลังจากนั้น เป็นการลดน้อยลงไม่เต็มแบบ”
ระหว่างที่สังคมยังคงรอคอยลุ้นว่า ประเทศไทยจะมาถึงการ “ล็อกดาวน์เต็มแบบ” หรือ “ล็อกดาวน์ทั่วประเทศ” รอบสองหรือเปล่านั้น “กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” ชักชวนไปดูกันว่า จำเป็นเพียงใด เมื่อเทียบกับสถานการณ์การระบาดของโควิดวันนี้ในประเทศไทย
• 6 สิ่งสำคัญ เพราะเหตุไรไทยจะต้อง “ล็อกดาวน์”
ก่อนจะไปเอ๋ยถึงว่า ไทยควรต้องล็อกดาวน์หรือเปล่า หรืออย่างไร พวกเราจะต้องมาดูความซีเรียสของสถานการณ์การระบาดของโควิดในไทยกันซะก่อน ซึ่งในประเด็นนี้สามารถแบ่งเป็น 6 หัวข้อสำคัญๆอาทิเช่น
1. จำนวนการฉีดยาต่ำ โดยจำนวนผู้ได้รับการฉีดยาปกป้องโควิด-19 “เข็มแรก” แค่ 16.5% ของจุดหมาย 50 ล้านราย ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์การสร้างภูมิคุ้มกันกลุ่ม หรือถ้าเกิดนับรวมประชาชนทั่วประเทศ 70 ล้านคน มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วเพียง 11.77% แค่นั้น (ข้อมูลที่ได้รับมาจากศบค.ในวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม64)
2. ความรุนแรงของโควิดสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) ซึ่งเดี๋ยวนี้กำลังยึดไทย เป็นเชื้อที่ติดง่ายสุดๆ และก็อาการรุนแรง โดยการทำให้คนไข้อยู่ในภาวะออกซิเจนต่ำยิ่งกว่าธรรมดาเร็วขึ้น ปอดอักเสบเร็วขึ้น
ในช่วงเวลาที่สายพันธุ์ “อัลฟ่า” (อังกฤษ) เดิมใช้เวลา 7-10 วันถึงแปลงเป็นปอดอักเสบ จะต้องใช้ออกซิเจน ไฮโฟลว์ เครื่องช่วยหายใจ แต่ว่าสายพันธุ์ “เดลต้า” (อินเดีย) ใช้เวลา 3-5 วัน เอามาสู่ความวิกฤติเรื่องเตียงไม่พอ โดยยิ่งไปกว่านั้นเตียงผู้ป่วยหนัก ICU ซึ่ง “ตึง” มากมายและก็ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขในภาพรวม
3. จำนวนผู้ติดโรคอาจพุ่งถึงระดับหมื่นคนต่อวัน ถ้าเกิดดูจากจำนวนผู้ติดโรครายวัน จะพบว่า มีแนวโน้มพุ่งสูง ทำนิวไฮสม่ำเสมอ โดยผู้ติดโรคในวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม64 มากถึง 6,519 ราย
ในทางของการระบาด ระหว่างการรายงานข่าวสถานการณ์ทุกวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม ได้เผยจำนวนคาดหมายการระบาดในวันที่ไทยกำลังต่อกรกับโควิด “สายพันธุ์เดลต้า” ว่า จะมีการเพิ่มจำนวนผู้ติดโรค 2 เท่า ข้างใน 2 อาทิตย์ และก็ได้โอกาสขึ้นไปถึง 10,000 รายต่อวันในอาทิตย์หน้า