เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังคิดว่า ‘หนังอินเดีย’ จะต้องเต้นระบำจีบกันข้ามภูเขาหลายลูก หลายคนมองข้ามวงการ ‘บอลลีวู๊ด (Bollywood)’ ที่สามารถผลิตหนังได้มากที่สุดในโลกในเเต่ละปี (ประมาณ 800-1000 เรื่อง) ทั้งที่หนังอินเดียหลายเรื่องนั้นยอดเยี่ยมจนถูกยกให้เป็นตำนานของวงการภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น 3 Idiots หรือ PK ที่กล้าหยิบยกประเด็นที่ไม่มีใครกล้าเเตะมาบดซะเเหลกละเอียดกันเลยทีเดียว
5. Dangal (2016)
ทำความรู้จักกับรายละเอียดก่อนรับชม
Dangal ผลิตมาจากเรื่องของของนักมวยปลุกปล้ำชายอย่าง Mahavir Singh Phogat(รับบทบาทโดย อาเมียร์ ข่าน) เป็นอดีตเป็นนักมวยปลุกปล้ำที่มีความสามารถจากเมืองเล็กๆในรัฐหรยาณา ที่ได้รับรางวัลเหรียญทองระดับประเทศ แม้กระนั้นจำเป็นต้องละทิ้งกีฬามาดำเนินงานหาเลี้ยงชีพ เนื่องจากว่าการกีฬาในประเทศอินเดียยุคนั้น ย้อนหลังไป 20-30 ปี รัฐบาลไม่ได้ใส่มากสักเท่าไรนัก หนึ่งเนื่องจากว่าไม่คิดว่าจะมีนักกีฬาประเทศอินเดียคนไหนกันแน่สร้างชื่อได้ สอง ผลจากข้อแรก ทำให้วงการกีฬาไม่อาจจะปรับปรุงบุคลากรดีๆได้ ซึ่งทั้งสองข้อทำให้วงการกีฬาแทบขาดเงินมาอุดหนุน เปลี่ยนเป็นว่าวงการกีฬาของประเทศอินเดียถูกหันหลังให้โดยรัฐอยู่นาน ถึงแม้รัฐบาลจะไม่สนใจวงการกีฬามากมายเท่าใด แม้กระนั้นมหาเวียร์ ซิงมีความฝันว่าซักวันหนึ่งจะก่อให้ประเทศอินเดียได้แชมป์ระดับโลกให้ได้ ด้วยเหตุดังกล่าวเลยคาดหวังว่าลูกที่โตขึ้นมา จะทำฝันให้เป็นจริงแทน แม้กระนั้นลูกที่เกิดมาดันเป็นสตรีหมดทั้งสี่คน … ความหวังของมหาเวียร์เหมือนมอดกับไปในพริบตา แม้กระนั้นความหวังของมหาเวียร์ ก็ไม่ได้หมดลงเสียทีเดียว เนื่องจากว่าวันดีคืนดี ลูกผู้หญิงดันไปต่อยตีกับเด็กผู้ชาย มึงเลยกำเนิดปิ๊งไอเดียว่า พวกเราก็เอาบุตรสาวพวกเรามาเล่นมวยปล้ำดิวะ … เรื่องเลยเกิดขึ้นนับแต่นั้นเป็นต้นมา
4. Baahubali 1 (2015)
คนไหนถูกใจดูหนังอิงงทั้งหลาย การันตีไม่ผิดหวังกับหนังทุ่มทุนของประเทศอินเดียประเด็นนี้ ซึ่งบางทีอาจแทรกตำนานอิงงฝั่งยุโรป หรือจีนให้อึ้งได้สบายย
เป็นเรื่องราวของ ประเทศอินเดียโบราณกาล ยุคอาณาจักรมหิธมาตีช่วงทีมีบัลลาลาเทวะดูแล เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเด็กทารกน้อยถูกช่วยชีวิตไว้ ภายหลังที่หญิงสาวคนหนึ่งได้เสียสละตน ชางก้าได้รับเด็กคนนั้นเป็นลูกรวมทั้งตั้งชื่อว่าศิวะ เมื่อตอนยังเด็กศิวะมีความฝันอยากจะไต่ไปบนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์นั้นครั้งแล้วครั้งเหล่าเขาก็ยังไต่ไปไม่ถึง วันหลังหนศิวะเจอหน้ากากไม้ที่ไหลมาจากเบื้องบน เขาก็ทำสำเร็จรวมทั้งได้มาเจอกับผู้ครอบครองหน้ากากรวมทั้งล่วงรู้ความจริงในเรื่องสมัยก่อนของตน
หนังทำได้เยี่ยมยอดตั้งแต่เนื้อเรื่องเปิดเรื่อง,เดินเรื่องรวมทั้งที่สำคัญคือโทนเรื่อง ซึ่งล้นดี!ด้วยบทบาทหนเกินมนุษย์ของนักแสดง อีกทั้งเนื้อเรื่องยังคงใช้แนวทางเดินเรื่องคล้ายตำนานเก่าอย่างการเสี่ยงอันตรายของทวยเทพเทวดา หรือมนุษย์ครึ่งหนึ่งเทวดา ทำให้พวกเรารู้สึกเหมือนนั่งฟังเรื่องเล่าตำนาน จากปากนักเล่านิทานจริงๆอย่างพวกโฮเมอร์ หรือประพันธ์โบราณอื่นๆ
3. Special 26 (2013)
Special 26 เป็นภาพยนตร์ประเทศอินเดียปี 2013 ความยาว 2 ชม. 16 นาที เรท 13+ แนวดราม่า อาชญากรรม ตื่นเต้น ขบขันร้าย แสดงนำโดย Akshay Kumar (อักษัย กุมาร) ดูแลโดย Neeraj Pandey (นีราจ แพนดีย์) ผู้ผลิต ผู้กำกับ คนเขียนบทกลางแจ้งกำเนิดกับหนังเรื่อง A Wednesday หนังทริลเลอร์ปี 2008 ที่กวาดรางวัลมาเยอะแยะ Special 26 มีแรงดลใจมาจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในปี 1987 โดยมีกลุ่มมิจฉาชีพปลอมตัวเป็น Central Bureau of Investigation (CBI) หรือ ศูนย์บัญชาการตำรวจไต่สวนกลางนั่นเอง ได้แสดงตัวที่ Opera House (โอเปร่า เฮ้าส์) ในมุมไบ เพื่อเข้าทำงานตรวจค้นอัญมณีสำหรับวิเคราะห์ภาษีรายได้ ซึ่งเป็นคดีที่ไม่อาจจะปิดได้
2. Umrika (2015)
ภายหลังพี่ชายเดินทางไปอเมริกาด้วยความภาคภูมิของคนในหมู่บ้านยากไร้แสนห่างไกล โดยยิ่งไปกว่านั้นบิดามารดา จดหมายจากอเมริกาก็ถูกส่งมาตลอดไม่ได้ขาด จนกระทั่งผ่านไปหลายปี เมื่อบิดาเสียไป ผู้แสดงนำชายผู้เป็นน้องชาย (Suraj Sharma) ก็ได้ศึกษาและทำการค้นพบความลับของจดหมายเหล่านั้นรวมทั้งเดินทางไปมุมไบเพื่อจะหาวิธีเดินทางไปอเมริกาไปตามหาพี่ชาย (Prateik Babbar)
ที่มุมไบ เขาไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก บากบั่นหางานทำ จะไปขอเป็นเด็กส่งของก็ไม่มีรถจักรยานจนกระทั่งจำเป็นต้องไปลักขโมยมา ดีที่มีมิตรแท้ (Tony Revolori) คอยใกล้เคียงตลอด
หนังดีเลย ถูกใจความชมเชยอเมริกาเปรียบเสมือนเป็นดินแดนแห่งความฝัน เนื่องจากว่าคุณลุงของผู้แสดงนำชายเคยไปอยู่จนได้ดิบก้าวหน้ากลับมามีเงินทองเยอะแยะ แม้กระนั้นวิถีทางจะไปถึงฝั่งฝันไม่ได้ได้รับโดยง่ายสำหรับครอบครัวที่ยากไร้แบบผู้แสดงนำชาย จริงๆจุดหักเหของหนังก็ไม่ได้เกินคาดเดานัก แม้กระนั้นพวกเราถูกใจการตัดสินใจของผู้แสดงนำชายเมื่อได้รู้ความจริง เขาตั้งใจจะทำความฝันของแม่ให้เป็นจริงขึ้นมาให้ได้
มองจบแล้วแอบเสียดายที่หนังเลือกที่จะจบลงอย่างนี้ มันไม่ชัดแจ้งจนกระทั่งทำให้เกิดความรู้สึกเศร้ารวมทั้งแอบสิ้นหวังชอบกล ผู้แสดงนำชาย Suraj Sharma คือน้องที่เล่นบทนำใน Life of Pi โตแล้วหล่อมากมาย เล่นดีด้วย ส่วนเพื่อนฝูงผู้แสดงนำชาย Tony Revolori ก็คือ bell boy ใน The Grand Budapest Hotel
1. Haraamkhor (2015)
เรื่องราวดราม่าชีวิตของคุณครูที่ลักลอบได้เสียกับผู้เรียนของตน
เรื่องมันเศร้าๆนะ เนื่องจากว่าเด็กที่ถูกฝ่าฝืนเนี่ย ยังไม่เคยรู้กับความรักเลย แม้กระนั้นดันมีความรู้สึกว่า การที่คุณครูทำอย่างนี้คือความรัก รวมทั้งคุณครูเองก็มีภรรยาอยู่แล้ว ซึ่งภรรยาเนี่ยก็เคยเป็นผู้เรียนของเขาเช่นกันอีก โอ้ย อีคุณครูเวร
ไปดูเองว่าเรื่องราวจะจบเช่นไร
หนังเอ็กซ์ตๆหน่อย พูดน้อย ผิดจริตนี่ บอกกงๆว่ากดมองเนื่องจากว่า nawazudin เจ้าพ่อ Gaitonde ใน Sacred games เหตุผลเดียวเลย