จากกรณีอุบัติเหตุรถยนต์สปอร์ตหรู BMW Z4 ซิ่งฝ่าฝนเสียหลักข้ามเกาะกลางพุ่งชนปะทะรถเก๋งแบรนด์ซูซูกิ สวิฟ ที่ถนนหนทาง
จังหวัดสระบุรี-หล่มสัก ตำบลห้วยโป่ง อ.หนองไผ่ จังหวัดจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเหตุทำให้มีผู้ที่บาดเจ็บแล้วก็เสียชีวิตรวม 3 ศพ โดยเหตุเกิดช่วงวันที่ 13 ไม่.ย.ก่อนหน้านี้ จนถึงโลกโซเชียลมีการแชร์คลิปไลฟ์สดของหญิงสาวชุดแดงวัย 18 ปี ที่นั่งรถยนต์มากับผู้ขับ BMW Z4 พร้อมพูดยุยงให้ผู้ขับๆรถยนต์เร็วๆท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา ว่า “ซิ่งเลยจ๊า ซิ่งเลย ซิ่งเลยยย” จนถูกวิจารณ์อย่างมากดังที่ได้เสนอข่าวสารไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับประเด็นนี้ ทางด้านนิติกรก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจ “Amity’s Juris – มิตรนิติกร” ระบุว่า กรณีข้อผิดพลาดฐานประมาทส่งผลให้ผู้อื่นถึงแก่เสียชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 มีต้นเหตุที่เกิดจากเสียงเชียร์ “ซิ่งเลยจ๊า ซิ่งเลย ซิ่งเลยยย” ตามเหตุการณ์ที่ได้มองคลิปแล้วก็ทราบกันดีอยู่แล้วนั้น สามารถแยกออกเป็น 3 ข้อความสำคัญ ดังต่อไปนี้
ข้อความสำคัญที่ 1 การเชียร์ให้ซิ่งเป็นการกระทำในฐาน “ผู้ใช้” หรือ “ผู้ให้การสนับสนุน” หรือไม่ วิธีการพินิจจะต้องมองที่เจตนาของผู้กระทำเป็นหลัก กล่าวคือ ถ้าเกิดผู้กระทำมีเจตนาที่จะกระทำอยู่แล้ว แบบนี้เสียงเชียร์จะเป็นเพียงพลังสำหรับในการช่วยเหลือให้ทำไม่ดี ผู้เชียร์ย่อมเป็นเพียงผู้ให้การสนับสนุนสำหรับในการทำไม่ดีตามมาตรา 86 แค่นั้น
ในทางกลับกัน หากว่าผู้กระทำ “ไม่เคยมีเจตนา” สำหรับในการทำไม่ดีเลย แต่หากว่าเสียงเชียร์นั้น มาจุดประกาย “ก่อ” เจตนาให้เขาทำไม่ดี แบบนี้ เสียงเชียร์จะไม่ใช่แค่แรงใจแล้ว แต่จะเป็นการสร้างเจตนาสำหรับในการทำไม่ดีให้เขาเลย กรณีนี้ผู้เชียร์จะเป็นผู้ใช้ตามมาตรา 84
สรุปกล้วยๆก็คือ มองว่าผู้กระทำมีเจตนาหรือไม่ ถ้าเกิดมีอยู่และเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่ถ้าเกิดไม่มีก็เป็นผู้ใช้ ดังนี้ถ้อยคำสำคัญในตัวบท มาตรา 84 เป็นคำว่า “ก่อ”
ข้อความสำคัญที่ 2 ข้อผิดพลาดฐานกระทำโดยประมาท มีผู้ร่วมกระทำได้หรือไม่ (ต้นตอร่วม, ผู้ใช้, ผู้ให้การสนับสนุน) เนื่องด้วยถนนหนทางที่วนเวียนตามแนวภูเขาประกอบกับสภาพภูมิอากาศทำให้ถนนหนทางเปียกชุ่มแล้วก็ลื่น ซึ่งบุคคลที่อยู่ในภาวะแล้วก็ความประพฤติเช่นนั้น จะต้องขับช้าอันจะถือเป็นการใช้ความระแวดระวังอย่างพอเพียง แต่เฮียกลับขับขี่รถเร่งให้เร็วขึ้น การกระทำของเฮียถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยไม่มีความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยแล้วก็ความประพฤติ แต่เฮียหาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ แบบนี้การกระทำของเฮียย่อมเป็นการกระทำโดยประมาทตามมาตรา 59 วรรคสี่
แต่เพราะ การกระทำข้อผิดพลาดฐานประมาท เป็นการกระทำที่ไม่มีเจตนา เมื่อไม่มีเจตนาย่อมไม่อาจมีข้อผิดพลาดฐานต้นตอตาม มาตรา 83, ผู้ใช้ตามมาตรา 84 แล้วก็ผู้ให้การสนับสนุนตามมาตรา 86 เกิดขึ้นได้ (ฎ.1326/2510 แล้วก็ ฎ.6764/2545) ด้วยเหตุนี้ “น้องจึงไม่มีความผิดอะไรก็ตามสำหรับในการกระทำครั้งนี้”
ข้อความสำคัญที่ 3 แม้ผู้กระทำผิดตาย ความรับผิดในทางแพ่งย่อมหยุดตามไปด้วยหรือไม่ เพราะ เมื่อเฮียได้ทำไม่ดีฐานกระทำโดยประมาทส่งผลให้ผู้อื่นถึงแก่เสียชีวิตตาม มาตรา 291 แล้ว เฮียก็ได้ถึงแก่เสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้ด้วย แบบนี้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมหยุดไปตามประมวลกฎหมายแนวทางพินิจความอาญา มาตรา 39(1)
ข้อความสำคัญก็คือ คดีอาญาหยุด แล้วความรับผิดในทางแพ่งหยุดและก็ตามด้วย
หรือไม่ มีความคิดเห็นว่าการกระทำของเฮียนอกจากจะเป็นความผิดอาญาแล้ว ยังเป็นการกระทำฝ่าฝืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ประกอบมาตรา 437 อีกด้วย เฮียย่อมจะต้องรับผิดตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 438 ซึ่งถือว่าเป็นหนี้ชนิดหนึ่ง แล้วก็หนี้นั้นถือว่าเป็นมรดกอย่างหนึ่ง ดังที่กำหนดไว้ใน มาตรา 1600 แล้วก็ในเมื่อหนี้เป็นมรดกย่อมสืบทอดไปยังผู้สืบสกุลตามมาตรา 1599 แล้วก็บุคคลที่จะจะต้องรับผิดชอบในหนี้นี้ก็คือ “ผู้สืบสกุลที่มีสิทธิได้รับมรดกตาม มาตรา 1629” ดังนั้นในหัวข้อนี้ครอบครัวของผู้เสียหายย่อมได้รับการชดเชยอย่างเป็นธรรม
ทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นเพียงข้อความสำคัญทางกฎหมายที่น่าสนใจในความรับผิดทางอาญาแล้วก็แพ่ง ไม่เกี่ยวข้องกับการพินิจการกระทำข้อผิดพลาดของบุคคลในข่าวสารที่จะต้องอาศัยความจริงแล้วก็รายละเอียดเพิ่มเติมในทางไต่สวนเพิ่มแต่อย่างใด
แม้น้องจะไม่ได้รับผิดทางกฎหมายอย่างไร เนื่องจากกฎหมายมีอาจบังคับไปถึงจริยธรรมหรือจิตสำนึกในบางเรื่อง แต่น้องก็ได้รับกรรมของความหุนหันพลันแล่นอย่างสมดุลแล้ว ขอให้ศึกษาแล้วก็เติบโต แล้วก็จากสถานะการณ์นี้เป็นการย้ำในเรื่องที่ว่า “เสียงของคนข้างผู้ขับมีผลในทางจิตวิทยาเป็นอย่างยิ่งแก่ผู้ขับ” แม้เราพูดไปในทางที่ดีให้ระมัดระวังย่อมเป็นการเตือนสติ แต่แม้เรายุแยงให้เขาท้าต่อความอันตรายอะไรก็ตามเสียงของเราย่อมส่งผลต่อเขาไปในทางนั้น
ผู้ใช้รถยนต์ใช้ถนนหนทางทุกคนโปรดระลึกไว้เสมอว่า “ขับช้าให้คนมองดู ดียิ่งกว่าลงไปกองให้คนเก็บ”