อดีตสามีซีอีโอสาว แจงอีกมุม มีการตกลงก่อนจะเลิกกัน ยืนยันไม่ได้แอบจดทะเบียนสมรสกับ “ผู้ใหญ่บ้านเหมียว”
จากกรณี เฟซบุ๊กแฟนเพจ ษิทรา เบี้ยเกิดขึ้น เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายสามัญชนฯ เปิดเผยถึงเรื่องราวของซีอีโอสาวบริษัทโทรทัศน์ช่องเคเบิ้ลแห่งหนึ่ง ที่มาปรึกษาแล้วก็ขอความรู้ด้านกฎหมายกับทนายษิทรา เบี้ยเกิดขึ้น หรือ ทนายตั้ม กรณีผัวซึ่งอยู่กินกันมา 10 ปี แล้วก็มีลูกด้วยกัน 1 คน แอบไปจดทะเบียนสมรสกับผู้ใหญ่บ้านสาวสวย
ล่าสุด วันนี้ (13 ม.ค.) ผู้รายงานข่าวกล่าวว่า เมื่อเวลา 15.00 น. นายคทาธร พิลาดงษ์ หรือ แม็ค รักจริง ไทยนิยม อายุ 45 ปี สมัยก่อนนักร้องลูกทุ่ง มีเพลงดังหลายเพลง ตัวอย่างเช่น น้ำตาขุนแผน แล้วก็รักจริงไม่แคร์เหตุผล เคยขึ้นอยู่กับค่ายดัง ปัจจุบันมีที่พักอยู่ที่เขตเทศบาลตำบลปากคาด อำเภอปากคาด จังหวัดสระรอยดำ ได้เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ถึงกรณีดังกล่าวมาแล้วข้างต้นว่า
ตนได้คบหาอยู่กินฉันสามีภรรยา คุณเอ (ขอรักษาชื่อนามสกุลจริง) อายุ 33 ปี CEO เคเบิ้ลโทรทัศน์ช่องหนึ่ง มาด้วยกัน 13 ปี จากนั้นก็ได้ก่อร่างสร้างฐานตั้งบริษัทมาด้วยกัน 3 บริษัท โดยร่วมกันบริหารกระทั่งธุรกิจเติบโตขึ้นมา โดยมากก็ทำสื่อโทรทัศน์ดาวเทียม แล้วก็ขายเครื่องดื่มอาหารเสริม ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี จึงได้ก่อสร้างบ้าน สร้างอาณาจักรแล้วก็มีทีมงานกว่า 30 ชีวิต อยู่ในบริษัท
ตนแล้วก็สมัยก่อนเมียอยู่ด้วยกันมามีลูกชาย วัย 8 ขวบ ด้วยกัน 1 คน ส่วนเมียเขาก็มีบุตรกับผัวเก่ามาก่อนแล้ว ในเวลาที่ร่วมหมอนนอนเตียงเดินคู่กันมา 13 ปี แล้วก็สร้างเนื้อสร้างตัวทำบริษัทมาด้วยกัน กระทั่งฐานะมั่นคง ตัวเองก็เคยร้องขอขอจดทะเบียนสมรสกับคุณเอมาตลอด แต่ว่าก็ถูกเบี่ยงบ่ายว่ายังมีปัญหากับบุตรกับผัวเก่าอยู่ถึงไม่สามารถจะขึ้นทะเบียนกับเราได้
ซึ่งข้อเท็จจริงนั้นเขาเองยังไม่เลิกทะเบียนกับผัวเก่า ข้อนี้ผมเข้าใจกันอยู่ ในเมื่อขึ้นทะเบียนมิได้ก็อยู่ด้วยกันแบบนี้ต่อไปก็ช่างเถอะ แต่ว่าก็เป็นห่วงว่าถ้าหากในอนาคตกำเนิดอะไรขึ้น หรือเป็นอะไรไปก็บางทีก็อาจจะกระทบด้านธุรกิจ เราเองก็มีลูกด้วยกัน 1 คน ส่วนเขามีลูกกับผัวเก่าเหมือนกัน 1 คน
แต่ว่าแล้วอยู่ๆมาเมียซึ่งเป็นสุดที่รักของตัวเอง ชอบหาเรื่องทะเลาะอยู่ตลอดเวลา ซึ่งกล่าวอะไรนิดทำอะไรหน่อยก็ไม่ถูกตาพึงพอใจ มีแต่ว่าบ่นว่าขาน สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด ภายหลังที่ทะเลาะกันมาเรื่อยๆกระทั่งไม่สามารถจะครองรักครองเรือนต่อไปกันได้ เมื่อต้นปี 2564 จึงได้ตกลงกันว่าจะเลิกราแยกทางกันอยู่
โดยเขาขอเอาบริษัททั้ง 3 แห่งที่ขึ้นทะเบียนร่วมกันมาไปครองเพียงคนเดียว และแยกบ้านกันอยู่โดยบ้านที่อยู่ในรอบรั้วเดียวกัน ซึ่งมีถนนหนทางผ่ากึ่งกลาง ส่วนซ้ายตนเป็นผู้ครอบครอง ส่วนส่วนขวาคุณเอเป็นผู้ครอบครอง แล้วก็กึ่งกลางยกให้ลูกชายที่เกิดมาร่วมกันเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำแล้วก็สตูดิโอห้องทำงาน
