คำประกาศเปิดตัว นายพิจิตต รัตตกุล เข้าร่วมในการเคลื่อนไหวเพื่อ ชิงตำแหน่ง “ผู้ว่าฯกทม.” ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สะท้อนความลึกซึ้งอย่างยิ่งของการเมือง
แม้จะเป็นการร่วมในสถานะที่ “กรุ๊ปมดงาน” อันเป็นราก ฐานของ นายพิจิตต รัตตกุล เมื่อยังอยู่ในตำแหน่ง “ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร”
กระนั้น ก็ไม่สมควรลืมภาวะเรื่องจริงของ นายพิจิตต รัตตกุล ซึ่งไม่เพียงแต่เคยเป็น ส.ส. ถ้าหากแต่ว่ายังครองตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในรูปร่างของพรรคประชาธิปัตย์
การมาของ นายพิจิตต รัตตกุล จึงส่งแรงสะเทือนเป็นอย่างยิ่งเข้าพบพรรคประชาธิปัตย์ และก็ส่งแนวโน้มตกกระทบไปยังสถานะของ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อย่างมิบางทีอาจเลี่ยงได้
นอกเหนือจากนั้นยังมีส่วนอย่างสำคัญสำหรับการขับย้ำให้กับสถานะที่ ความเป็น “อิสระ” ที่พร้อมจะประสานและก็ร่วมมือด้านการเมืองกับทุกกรุ๊ป ทุกพลังโดยดำรงความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างแน่ชัด
ประการข้างหลังนี้น่าจะเป็น “อนุสติ” และก็เครื่องพึงสังวรอย่างเป็นพิเศษไปยังบางคน บางส่วนข้างในพรรคเพื่อไทย
ถึงแม้ว่า นายชัชชาติ สิทธิจำพวก แยกตัวออกจากพรรคเพื่อไทยยาวนาน ร่วม 2 ปีแล้ว เพื่อแสดงให้สังคมแจ่มแจ้งในความเป็นอิสระก่อนลงไปในสนามการเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร”
แต่ว่ายังมีความหวังดีจากบางคน บางส่วนข้างในพรรคเพื่อไทยอย่างชนิดที่บางทีอาจพูดได้ว่า “ล้ำเส้น”
ไม่ว่าจะแสดงอย่างออกนอกหน้าว่าทางของ นายชัชชาติ สิทธิจำพวก ชมรมอยู่กับยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย และก็ที่น่าเป็น ห่วงอย่างมากเป็นความอุตสาหะสำหรับการกดดันต่อพรรคก้าวหน้า
ถ้าหากการเคลื่อนไหวนั้นเสมอเป็นเพียงแต่การปรึกษาหารือและขอคำแนะนำฉันมิตรก็ถูกใจด้วยเหตุผลแต่ว่าถึงขั้นระบุเป็นยุทธศาสตร์ปิดช่องทางลงแข่งขัน
โน่นเท่ากับเป็นการรังแก นายชัชชาติ สิทธิจำพวก อย่างรุนแรง
จึงนอกเหนือจาก นายชัชชาติ สิทธิจำพวก ประกาศเปิดกว้างที่จะรับการหนุนเสริมจากทุกฝ่ายที่เป็นมิตร ถ้าหากแต่ว่ายังแสดงออกอย่างเป็นรูป ธรรมผ่านการประสานมือกับ นายพิจิตต รัตตกุล
เชื่อได้เลยว่าควรมี “ผู้สนับสนุน” ใน “แนวร่วม” อีกเยอะมาก
ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นสัญญาณส่งตรงไม่เพียงแต่ต่อพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าหากแต่ว่ายังเท่ากับบอกอวยพรรคเพื่อไทยได้ใส่ใจด้วย