หลายสิ่งหลายอย่างรอบตัวเราเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เราได้เห็นเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จากที่เราต้องเฝ้ารอชมภาพยนตร์สักเรื่องตามตารางฉายผ่านโทรทัศน์สู่ระบบสตรีมมิ่งที่ให้เราเลือกดูภาพยนตร์ได้ตามต้องการ การจากไปของม้วนวิดีโอ การก้าวข้ามขีดจำกัดของการชมภาพยนตร์ผ่านแผ่นวีซีดีและดีวีดีด้วยระบบสตรีมมิ่ง ถึงแม้หลายสิ่งจะเปลี่ยนแต่เราเชื่อมาโดยตลอดว่าไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแต่หนังดีจะยังคงคุณค่าของมันไม่ว่าจะชมเมื่อไรก็ตาม ด้วยความเชื่อเช่นนี้ HOLLYWOOD HDTV เพราะเราเชื่อว่าโลกใบนี้ยังมีหนังดีจำนวนมากรอให้คุณค้นพบและหยิบมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนรอบตัว
1.Iron Man โดย We Love Movie Club
ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นหนังเปิดตัวซูเปอร์ฮีโร่ที่เหมาะสมที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยมีการสร้างมา ทั้งยังควบตำแหน่งหลักไมล์แรกที่สำคัญของอาณาจักรหนังซูเปอร์ฮีโร่ค่าย Marvel Studios บนจอภาพยนตร์อันยิ่งใหญ่ในขณะนี้ ผู้กำกับ Jon Favreau เสนอเรื่องราวของมหาเศรษฐีพันล้านที่มิได้มีพลังวิเศษ แม้กระนั้นเปลี่ยนมาเป็นฮีโร่ภายใต้ชุดเกราะเหล็กรายนี้ โดยเอาใจใส่ในเนื้อหาต่างๆผสมกับสเปเชีบลเอฟเฟคขั้นเทวดาที่เนรมิตฉากแอคชั่นได้อย่างสะใจกับอารมณ์ขันกวนๆที่ผสมกันพอดี โดยอีกส่วนประกอบที่ช่วยให้หนังประสบความสำเร็จก็คงไม่พ้นการแสดงของ Robert Downey Jr. ที่สวมบท Tony Stark ได้ยียวนกวนประสาทจำพวกได้โล่ จนกลายเป็นหน้าที่ที่จะจำติดตาคอหนังยุคใหม่ไปอีกนาน อีกทั้งนี่ก็บางทีอาจจะพูดได้ว่าเป็นหนังที่ริเริ่มฉากแถมท้าย End Credits จนเปลี่ยนมาเป็น ‘ธรรมเนียม’ ของหนังค่าย Marvel Studios ยุคนี้ไปเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วอีกด้วย
2.The Curious Case of Benjamin Button โดย วิภาควิจารณ์ภาพยนตร์
แม้เหล่าแฟนหนังเดนตายของเดวิด ฟินเชอร์ จะพร่ำบ่นอุบว่าหนังหัวข้อนี้เหมือนไม่ใช่หนังของฟินเชอร์เองก็ตาม เพราะเหตุว่าขาดเอกลักษณ์ในความนัวร์ ที่แสวงหาเข้าไปสู่จิตใจห้วงลึกของนักแสดง เหมือนหนังหลายเรื่องของเขาก่อนหน้านี้ แม้กระนั้นถ้าเกิดเฉือนสายตาข้ามเอกลักษณ์ข้อนี้ไป หนังเรื่อง Benjamin Button ยังถูกจัดเป็นหน้าเป็นตาของฟินเชอร์ ที่ทำให้ออสการ์จำเป็นต้องหันมามอง โดยตัวหนังเข้าชิงออสการ์ไปอย่างเหลือล้นถึง 13 สาขา ด้วยเรื่องราวเช่นเทพนิยายของเบนจามิน บัตตั้น ที่เกิดมาด้วยรูปลักษณ์เหี่ยวย่นเหมือนคนวัยแก่ ก่อนจะค่อยๆเด็กลง แม้กระนั้นเหนือสิ่งอื่นใดหนังมีโมเมนต์ความรักที่สำคัญมากๆระหว่าง เบนจามิน รวมทั้ง ไดซี่ ซึ่งพลัดจากกันตลอดทั้งเรื่อง ทั้งยังรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง จากการเติบโตที่สวนทางกัน ก่อนจะมีตอนหนึ่งของชีวิตที่ริ้วรอยแห่งวัยของคนทั้งสองเดินทางมาบรรจบกันพอดีเป๊ะ รวมทั้งโน่นเป็นช่วงๆขณะที่น่าจดจำ จนกลายเป็นหนังซาบซึ้งใจได้ไม่ยากเย็นเท่าใดนัก
3.Home ความรัก ความสุข ความจำ โดย STW Movie Style : Thailand
อย่างชื่อของหนังนั่นแหละ ในอีกทั้งสามตอนหนังเองมีตัวแทนของความรัก ความสุข รวมทั้งความจำอยู่ในทุกๆตอน โดยไกล่เกลี่ยรูปร่างด้วยมุมมองของตอนวัยที่แตกต่างกันออกไป ไล่เรียงไปตั้งแต่ตอนวัยรุ่น วัยทำงาน จนไปถึงวัยตอนปลายของชีวิตที่จำเป็นต้องดำรงชีวิตตามลำพัง เท่ากับว่าหนังเองกำลังเล่าราวก่อนที่จะเราจะสานสโมสรกับมนุษย์ผู้อื่น ในช่วงเวลาที่เราเริ่มจะสานสโมสร จนวันหนึ่งที่เราสานเกี่ยวข้องกันมานานมาก รวมทั้งถึงเวลาที่เราจะศึกษาที่จะแยกทางกันไป ซึ่งจำเป็นต้องสารภาพว่าผู้กำกับอย่าง ‘มะผู้เดียว’ เองวางโครงเรื่องอีกทั้งสามส่วนเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ซึ่งพอเพียงเล่าออกมาแล้วเราพบว่าหนังเองมันก็มีความเพียงพอสำหรับเพื่อการเล่าค่อนข้างมาก มันมีความอิ่มพอดิบพอดีของอารมณ์ รวมทั้งเรื่องราว ก่อนที่จะหนังเรื่องถัดไปมันจะล้นจนเกินงาม นี่ก็เลยเป็นหนังที่พูดถึงความเกี่ยวข้องของมนุษย์ในแม้กระนั้นล่ะตอนวัยได้อย่างยอดเยี่ยม มันคือการเล่าเรียน รวมทั้งรู้เรื่องชีวิตอย่างแท้จริง
4.Crimson Tide โดย Movie Navigator
ผลงานเรื่องเด่นของผู้กำกับ Tony Scott ด้ามจับเอา Denzel Washington มาพบกับ Gene Hackman ในเรือดำน้ำที่ปฏิบัติภารกิจในระยะหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย แม้กระนั้นความไม่ถูกกันที่เกิดขึ้นกลับกลายความไม่ถูกกันภายในของฝ่ายเดียวกันเอง หนังเลียนแบบให้เห็นถึงอิทธิพลของความไม่รู้ที่นำไปสู่ความหวาดกลัว แล้วต่อจากนั้นมันจะแยกคนเป็น 2 ข้าง ด้วยการดูแลที่จริงจังรวมทั้งการเชือดเฉือนบทอย่างเด็ดขาดของ 2 ผู้แสดงนำฝ่าย ทำให้หนังเป็นความระทึกโดยไม่ต้องประเคนฉาก Action ใหญ่โตแต่อย่างใด บทหนังนิดหน่อยถูกปรับแต่งโดย Quentin Tarantino (แม้กระนั้นมิได้รับเครดิต) คนใดกันแน่ที่เป็นแฟนตัวยงก็สามารถทดสอบความเป็นแฟนพันธ์แท้ได้ด้วยการหาว่าฉากไหนคือฉากที่ถูกปรับแต่ง (ถ้าเกิดไม่ลุ้นไปกับหนังจนลืมไปเสียก่อน) Crimson Tide
5.Ratatouille โดย โรงหนังที่ 3 ที่นั่ง E12
คุณจะรู้สึกอย่างไรหากวันหนึ่งได้รับรู้ว่าอาหารจานพิเศษจากร้านค้าโปรดนั้นถูกแต่งตั้งขึ้นมาโดยสัตว์ตัวเล็กๆที่ว่ากันว่าแสนจะเลอะเทอะอย่าง “หนู”
แน่นอนว่าถ้าเกิดคุณไม่เคยดู Ratatouille มาก่อนเชื่อเถอะว่าเกือบจะร้อยอีกทั้งร้อยย่อมจำเป็นต้องพากันไปฟ้องสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครัวๆแล้วสั่งให้ทางการมาปิดร้านค้าพร้อมแช่งชักหักกระดูกเจ้าของร้านไปเจ็ดแปดชั่วช้าสารเลวแน่นอนหากว่าที่จริงแล้วอาหารที่ ”หนู” พวกนี้ทำขึ่นมามันจะอร่อยล้ำแถมที่จริงพวกมันก็บางทีอาจจะมิได้เลอะเทอะอย่างที่เราคิดกันด้วย
รวมทั้งสิ่งเหล่านั้นมันไม่ต่างกับอคติในใจเราเลยครับ เมื่อเราตั้งท่าจะชังคนใดกันแน่หรืออะไรไปแล้ว มันเป็นได้ยากมากที่จะสารภาพเขาหรือสารภาพผลงานของเขา ไม่ว่ามันจะดีเลิศปานใดก็ตาม ซึ่งที่จริงแล้วไม่ว่าใครนั้นก็ต่างมีสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองรวมทั้งมีสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีอยู่แม้ว่าจะเป็นผู้ที่ตัวเล็กหรือถูกเห็นว่าไม่น่ายกย่องขนาดไหนก็ตามรวมทั้งบางทีสิ่งที่พวกเขาขาดอยู่ก็แค่เพียง ”จังหวะ” รวมทั้งสายตาที่ปราศจาก “อคติ” ก็เท่านั้นเอง
นอกเหนือจากความดีในสารที่หนังสามารถสื่อได้อย่างสะดุดตาทะลุความเป็นอนิเมชั่นเด็กน้อยรวมทั้งความงามด้านภาพที่เชื้อเชิญให้พุ่งไปตีตั๋วบินไปฝรั่งเศสมันเกือบจะในทันทีทันใดแล้ว Ratatouille เองก็ยังเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ช่วยซ้ำเติมให้ผมตระหนักได้เสมอว่า Pixar ตอนพีคนี่มันเทวดาจริงๆให้ตายสิผับผ่า!
6.The Chaser โดย สมาคมคนวิภาควิจารณ์หนังไม่เป็น
เป็นหนังไต่สวนไล่ล่าที่มีความเป็น Memories of Murder ผสม I Saw the Devil ที่เสนอได้อย่างลุ้นระทึกรวมทั้งอึ้งไปกับฉากต่างๆที่ประเทศเกาหลีสามารถหักหน้าคนดูได้จนสามารถอุทานเป็นคำหยาบคายชนิดอีเชี่ยอีซัสได้ในฉากๆนั้น ซึ่งนอกจากการเสนอเรื่องราวได้อย่างลุ้นระทึกจนติดเก้าอี้แล้ว นี่บางทีอาจจะเป็นหนังประเทศเกาหลีที่มีการบอกรวมทั้งเล่าถึงหลักสำคัญทางสังคมที่น่าสนใจอย่าง หลักการทำงานของตำรวจประเทศเกาหลี (หรือทั้งโลก?) ที่มีการทำงานได้อย่างโหลยโท่ย จนโยงไปถึงความโง่เง่าของนักการเมืองเอง ทำให้หนังไต่สวนปกติมีการเสนอรวมทั้งติชมสังคมได้อย่างไม่ธรรมดา จนคนดูเองสามารถนำไปคิดต่อกันเองว่า “มันยุติธรรมแล้วหรอ”
7.Tokyo Sonata โดย สัมพันธ์นิยมหนังอินดี้
เกิดเป็นคนญี่ปุ่นนี่ยากแล้ว เกิดเป็นคนชั้นกึ่งกลางประเทศญี่ปุ่นยิ่งยากกว่า นี่เป็นอีกทั้งหนังดราม่า หนังครอบครัว รวมทั้งหนังสะท้อนปัญหาสังคมรวมทั้งเชิงเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นได้อย่างน่าสนใจ เสนอคำถามต่อความนิยมหลายๆอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ชายยิ่งใหญ่, ดนตรี = ไม่มีกิน อื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งสภาพการณ์ที่ตึงจนเหลือเกิน แม้กำลังเข้าตาจน ครอบครัวในโลกระบบทุนนิยมมักมีสมาชิกเพียงไม่กี่คน แม้กระนั้นทำไมมันช่างอึดอัดเสียยิ่งกว่าครอบครัวขนาดใหญ่สมัยก่อน? หนังสอนให้เรารู้จักการยอมรับความเป็นจริง รวมทั้งเปิดใจ หนังมีฉากจบที่ทรงประสิทธิภาพมากถึงเยอะที่สุด ระดับที่มั่นใจได้เลยว่า แม้เราจะลืมหนังไปอีกทั้งเรื่องแล้ว ความรู้สึกของฉากนี้ มันจะยังตราตรึงอยู่ในห้วงความรู้สึกนึกคิดไปอีกนานมาก
8.The Matrix Reloaded โดย สมาคมคนวิภาควิจารณ์หนังไม่เป็น
งานภาคต่อที่บางทีอาจจะไม่พีคหรือทรงประสิทธิภาพมากเท่าภาคแรก แม้กระนั้นก็ได้ผลสำเร็จงานภาคต่อที่ถือว่าทำออกมาได้อย่างสนุก กลมกล่อม และไม่ออกสมุทรจนเหลือเกินเหมือนภาคสาม ซึ่งมาคิดดูอีกครั้งแล้วนี่ก็คือภาคต่อที่สานต่อเรื่องราวได้อย่างมีมิติ บันเทิงใจ อีกทั้งฉากแอคชั่นสุดสนุก (ชอบสุดๆคือฉากไล่ล่าบนไฮย์เวย์ กับ ฉากนีโอสู้กับลูกน้องบนพระราชวัง) รวมทั้งคงเป็นหนังที่เราจะได้เห็นความทะเยอทะยานของผู้กำกับการสองพี่น้องวาโซว์สกี้ที่ทำหนังได้กลิ่นอายคอมมิคแอคชั่นฝรั่งๆหรูๆและจะคงได้ผลสำเร็จงานภาคต่อที่ดูแล้วบันเทิงใจ ได้กลิ่นอายการ์ตูนคอมมิครวมทั้งสนุกไปฉากแอคชั่นหรูๆหลายฉาก รวมทั้งที่แน่นอน นี่คือต้นแบบฉากไล่ล่าบนไฮย์เวย์ที่ทำให้มีฉากต่อสู้ยิงกันระหว่างขับรถไล่ล่าใน The Raid 2 เพราะเหตุว่าหัวข้อนี้แท้ๆ
9.The Trainspotting โดย What the Flick
การเสพหนังบางทีอาจพาเราลอยฟุ้งได้ไม่ได้ต่างอะไรกับการเสพยา ความฟินจากอรรถรสที่หาไม่ได้จากกิจกรรมอื่นในชีวิต
‘Trainspotting’ จะพาคุณไปพบกับอารมณ์ที่หลากด้านหลายมุม ที่วนเวียนกับสารเสพติดที่อีกทั้งสุขจนล้น รวมทั้งน่าเวทนาจนจำเป็นต้องเมินหน้าหนี กับเรื่องราวของต้นฉบับแก๊งเหี้ยนพันธ์แท้รุ่นพ่อ หน้าที่กรุ๊ปชายวัยรุ่นขี้ยาของ ยวน แมคเกรเกอร์ก่อนจะมาจับดาบเลเซอร์ผันตัวเองเป็นอาจารย์เจได กับเรื่องราวที่อีกทั้งบ้า แสบซ่าของวัยรุ่นในยุค 90 มาร์ค เรนตัน(ญวน แมคเกรเกอร์) รวมทั้งชาวแก๊งขี้ยาที่ติดผงขาวงอมแงมในเมืองเอดินเบิร์ก ที่ดำรงชีวิตปลดปล่อยผ่านไปวันๆอย่างไร้สาระ ที่นาม้าวิตของพวกเขาไปสู่ความไม่ประสบผลสำเร็จ ที่นาเสนอหลากมุมมองโดยมีศูนย์กลางเป็นสารเสพติดที่ถ่ายทอดผ่านตัวเอกสวมบทโดยญวน ชีวิตเรานั้นน่าแปลกยิ่งนัก ถ้าเกิดมองโลกอย่างรอบคอบเราก็จะพบว่า ผู้คนบริเวณกายของเราช่างหลากหลาย เพื่อนของมาร์คเองก็มีหลายแบบนักแสดงแต่ละตัวช่างแตกต่างอย่างมีมิติรวมทั้งวิจิตร นอกจากนี้ทุกๆสิ่งบนโลกก็มีการเปลี่ยนไปตามยุคสมัยของมันเสมอ แม้กระทั้งสารเสพติดเองก็บางทีอาจไม่ไช่คา ตอบที่ไช่ตลอดกาลของพวกเขาเหมือนกัน
การก้าวผ่านช่วงชีวิตที่ชั่วช้า รวมทั้งการตัดสินใจก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วยโทนเรื่องอันบ้าๆบอๆ รวมทั้งน่าหัวเราะจะพาให้เราฟินได้ขนาดไหน จำเป็นต้องทดลองติดตามดูเรื่องราวของพวกเขาใน ‘Trainspotting’
10.Three Kings โดย Movie Navigator
ผลงานยุคแรกๆของผู้กำกับ David O’ Russell ที่ว่าด้วยนายทหารอเมริกัน 4 คนภายในการสู้รบอ่าว (อิรัก-ประเทศคูเวต) ที่วางแผนลักขโมยทองจากอิรักซึ่งลักขโมยมาจากประเทศคูเวตอีกทอดหนึ่ง ฟังจากเรื่องย่อก็พอเพียงจะเดาได้ว่านี่คือหนังเสียดสีที่ใช้ความประพฤติของกรุ๊ปตัวเอกสะท้อนความประพฤติที่สหรัฐส่งทหารร่วมการสู้รบในครั้งนี้ ดังนั้นนี่ไม่ใช่หนังสงครามปกติ มันเต็มไปด้วยการจิกกัดอีกทั้งอเมริกา สื่อ ทหาร รวมถึงทหารอิรักเอง หนังมาพร้อมสไตล์ที่หวือหวา รวมทั้งประหลาดกว่าหนังสมครามหลายๆเรื่อง นำแสดงโดย George Clooney, Mark Wahlberg รวมทั้ง Ice Cube รวมทั้งที่น่าสนใจก็คือนี่คือผลงานการแสดง (ในหน้าที่หลักของเรื่อง) ของ ผู้กำกับ Spike Jonze ก่อนที่จะสร้างชื่อในฐานะผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์กับหนังเรื่องแรกอย่าง Being John Malkovich ในปีเดียวกัน
11.Batman Begins โดย Poprock on FILM
คงไม่ต้องมีการโปรโมทกล่าวอ้างสรรพคุณอีกแล้วสำหรับชื่อของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ภายหลังนำเอา Batman ซีรีส์กลับมา Reboot ใหม่หมด รวมทั้งแบ่งทำเป็นไตรภาค “โนแลน” ก็กลายเป็นชื่อของผู้กำกับที่สร้างกางทแมนซีรี่ส์ได้ดีเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว แม้กระทั่งคุณเป็นแอนตี้แฟนแค่นไหน คุณก็จำเป็นต้องสารภาพว่า นี่เป็นความจริง การวางเส้นเรื่องไตรภาค Batman ของโนแลน ทำให้เราทราบว่า เขาเป็นผู้กำกับที่ละเอียด ละเมียดละไม ในทุกส่วนของงานเลยทีเดียว ซึ่งแม้ภาค 2 อย่าง The Dark Knight จะเป็นภาคที่ประสบความสำเร็จเยอะที่สุด รวมทั้ง The Dark Knight Rises จะเป็นภาคที่คนพูดถึงรวมทั้งเป็นกระแสเยอะที่สุด แม้กระนั้นภาคที่น่าสนใจที่สุดในทัศนะผู้เขียนกับเป็นภาคแรกเป็นBatman Begins เป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมด ที่โนแลนเล่าได้ละเอียด มีปูมเหตุที่น่าสนใจรวมทั้งทำให้หนังภาคต่อๆมาไม่มีที่ติเตียนเลยทีเดียว ความแค้นที่จำเป็นต้องสูญเสี ยครอบครัวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก การสิ้นไปยังมีผลให้บรูซ เวย์นตระหนักว่า เมืองที่เขาอยู่ Gotham City มันเน่าเละ รวมทั้ง เลวทรามจริงๆนอกเหนือจากการทวงแค้น สิ่งที่บรูซ เวย์น ตระหนักได้คือ มันไม่ใช่แค่ ขโมยกระจอกเพียงผู้เดียวที่ทำให้เขาจำเป็นต้องเสียครอบครัว แม้กระนั้นเป็นความเลวทรามที่ครอบครองเมืองนี้อยู่ต่างหาก โน่นทำให้เขาจำเป็นต้องยืนขึ้นต่อสู้ เพื่อปกป้องเมืองนี้ เมืองที่ครอบครัวของเขาต้องการที่จะให้มันเป็นเมืองที่สุขสงบ ไม่ใช่เมืองของซาตาน ความมหัศจรรย์ที่โนแลนทำในภาค Batman Begins ทำให้เรารู้สึกว่า นี่คือ กางทแมน ที่ได้โอกาสเกิดขึ้นได้จริงๆในโลกนี้ นักแสดงเหมือนจริง มีแรงผลักที่สมเหตุสมผล รวมทั้ง ตรรกะความคิดที่เชื้อเชิญเชื่อฟัง ไม่ใช่แค่กางทแมนที่เป็นตัวละครแฟนตาซี ที่พบเจอได้เพียงแค่ในหนังการ์ตูน นี่เป็นการทำให้นักแสดง “กางทแมน” ได้กลับมาฟื้นอีกที ภายหลังเลือนหายไปตามยุคสมัยอยู่หลายสิบปี อีกหนึ่งหนังที่เป็นจุดกำเนิดของไตรภาคหนังฮีโร่รัตติกาลแห่งยุค หนึ่งในงานมาสเตอร์พีซของ คริสโตเฟอร์ โนแลน กางทแมนบีกิน
12.สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก โดย โรงหนังที่ 3 ที่นั่ง E12
เค้าว่ากันว่าบ้านเรานั้นถนัดนักสำหรับเพื่อการทำหนังอยู่สามชนิดอาทิเช่น หนังผี ภาพยนตร์ตลก รวมทั้งหนังรัก แม้กระนั้นเอาเข้าจริงๆครับผมหนังไทยอีกทั้งสามชนิดนี้ในตอนขวบปีข้างหลังๆมาเนี่ยมันมีไม่กี่เรื่องแค่นั้นล่ะที่ผมเห็นว่ามันดีเลิศจริงๆอย่างที่อ้างกันมา รวมทั้งหนึ่งในนั้นเองก็คือหนังรักๆฟอร์มเล็กๆที่เกิดดังแบบเปรี้ยงปร้างขึ้นมาแบบไม่คาดคิดอย่าง “สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก” นี่เองครับที่สามารถเข้าไปอยู่ในใจผมได้แบบไม่ยากเย็นเลย แม้แก่นของความเป็นจริงๆแล้วมันจะไม่ใช่อะไรใหม่สักนิดอย่างเรื่องการแอบชอบ/ความเกี่ยวข้องในกรุ๊ปเพื่อนชายเพื่อนหญิง/ความเกี่ยวข้องในครอบครัว แม้กระนั้นสิ่งสำคัญที่ทำให้มันดีเลิศคือ ในเวลาที่มันไม่ใหม่ แม้กระนั้นมันกลับมีการผสมผสานเรื่องราวในหลายๆประเด็นความเกี่ยวข้องได้พอดีแบบกำลังพอดี ไม่เยอะ ไม่ล้น ไม่เฟ้อ รวมทั้งมันดู ”จริง” เอามากๆ(ยกเว้นตอนท้ายนะแหม่๕๕๕๕) จนเหมือนเป็นผู้แทนภาพความจำของตอนขณะหนึ่งในชีวิตว่าเราก็เคยทำอะไรอย่างนี้นี่หว่ารวมทั้งทำให้เราอินได้อย่างสะดวกสบายเลยทีเดียว (ตรงจุดนี้จำเป็นต้องดูใบเฟิร์นรวมทั้งมาริโอ้ด้วยนะที่แสดงได้ดีจริงๆซีนรับรักเอาไปสิบดาว) รวมทั้งเนี่ยล่ะคือสิ่งที่ผมอยาจะเห็นการวงการหนังไทยบ้านเรา คือไม่ต้องไปเพียรพยายามจะทำอะไรเกินความสามารถหรอก เพียงแค่มุ่งปรับปรุงในสิ่งที่เราพอเพียงทำได้อย่างการขัดเกลาบทให้มันดีๆแน่นๆเข้าไว้ก่อน เพียงนี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
13.Ghost โดย สัมพันธ์นิยมหนังหวาน
แน่นอนว่าความยิ่งใหญ่ประการสำคัญของ Ghost อยู่ตรงฉากจำอมตะนิรันดรกาลที่ยังโดนอ้างอิงถึงในหลายรูปแบบแม้เวลาจะผ่านมายาวนานเกิน 20 ปีอย่างฉาก ‘ปั้นหม้อรอรัก’ เคล้าเพลง Unchained Melody แม้กระนั้นโน่นยังไม่ถึงครึ่งในความดีของหนังหัวข้อนี้ Ghost ยังมีบทที่ดีระดับชนะรางวัลออสการ์ มีการผสมผสานระหว่างเรื่องราวความรักปลื้มปิติ ความเฮฮาบันเทิงใจ (ที่ตลกขบขันอย่างจริงจัง) กับเรื่องราวแฟนตาซีเหนือธรรมชาติรวมทั้งการสืบสวนเหตุฆาตเกลื่อนกลาดรรมได้อย่างพอดี มีพระเอก-นางเอก (Patrick Swayze รวมทั้งDemi Moore) ที่ลุคทรงเสน่ห์ลักขโมยใจผู้คนอีกทั้งบ้านทั่วเมือง แถมด้วยผู้แสดงสมทบที่ลักขโมยซีนระดับเอารางวัลออสการ์มาให้หนังหัวข้อนี้ได้ไปอีก 1 ตัว ถ้าเกิดยังไม่เคยดูหนังหัวข้อนี้ ก็ไม่สมควรเสียเวล่ำเวลาให้พลาดอีกต่อไป
14.The Cabin in the Woods โดย Movies Stalker
Cabin in the wood เป็นหนังสยองขวัญที่ล้อเลียนแพทเทิร์นหรือขนบของหนังสยองขวัญที่เกือบทุกเรื่องมักใช้กัน ยกตัวอย่างเช่น ความอยากรู้อยากเห็น ลำดับการถึงแก่กรรมที่คนชนิดนี้มักตายก่อนหรือหลัง จำพวกของผีซาตาน องค์กรลับ รวมทั้งฯลฯแบบพูดได้ว่าเก็บทุกเม็ดจริงๆมันก็เลยเป็นหนังที่แจ๋วสุดๆเพราะเหตุว่าหนังมีการรีเสิรทรวบรวมข้อมูลมาอย่างดีเยี่ยมเลิศ ทั้งยังมีความน่าขนลุกรวมทั้งความเฮฮาสลับๆกันไป ครึ่งชั่วโมงแรกราวหนังสยองขวัญทั่วๆไป อีกทั้งลักษณะท่าทางของนักแสดง การเดินทางไปในที่ๆลึกลับ สถานที่ ทุกๆอย่างก็ยังคงเหมือนหนังสยองขวัญที่เดาง่ายอย่างยิ่ง จนต่อจากนั้น Cabin in the wood ทำให้เราจดจำชื่อหนังหัวข้อนี้ ได้อย่างเที่ยงตรงจำจนฝังใจเพราะเหตุว่าเราจับทางอะไรมันมิได้อีกต่อไปแล้ว หนังออกนอกรีตไปถึงระดับสูงสุดแบบกู่ไม่กลับจนถ้าเกิดคนใดกันแน่จับจุดปรารถนาเรื่องการล้อเลียนขนบหนังมิได้ หนังหัวข้อนี้ก็จะกลายเป็นหนังที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนเพิ่มมากขึ้นมาทันครั้ง ถ้าเกิดจะถามคำถามว่าหนังสยองขวัญเรื่องที่ชอบเยอะที่สุดคือเรื่องไหน ก็คงจะตอบว่าเป็นเรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
15.Enemy of the State โดย Movie Navigator
ผลงานชิ้นยอดเยี่ยมของผู้กำกับ Tony Scott เล่าถึงกรุ๊ปเจ้าหน้าที่องค์กรของรัฐบาลที่ใช้อิทธิพลโดยไม่ถูกต้องสำหรับเพื่อการดักฟัง แอบถ่าย ติดตามการเปลี่ยนแปลงของตัวเอกของเรื่อง เพื่อผลประโยชน์ทับซ้อนอันยิ่งใหญ่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนสิทธิส่วนบุคคล แม้หนังจะเข้าฉายตั้งแต่ปี 1998 ยุคสมัยที่ 56K Modem ยังเจริญก้าวหน้า แม้กระนั้นมันก็พยากรณ์ภาพปัจจุบันนี้ของยุค 3G ไร้สายในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างเที่ยงตรง เพราะเหตุว่าการต่อว่าดและก็ตามด้วย GPS, การมีกล้องวงจรปิดในทุกหนแห่ง รวมทั้งการสื่อสารที่เร็วฉับไว คือเรื่องปกติในยุคนี้ ทั้งยังเรื่องราวที่ดังไปทั้งโลกในปี 2013 ของ Edward Snowden ที่ออกมากล่าวมาว่า NSA (National Security Agency, หน่วยงานเดียวกับในหนัง) มีการดักฟังการสื่อสารอีกทั้งภายในรวมทั้งนอกสหรัฐ ไม่ได้ต่างอะไรกับเนื้อหาของเรื่อง อีกประเด็นที่สะดุดตาก็คือนี่คือการขับต้มระหว่าง 2 Generation เมื่อกรุ๊ปตัวเอกที่นำแสดงโดย Will Smith รวมทั้ง Gene Hackman คือผู้แทนของคนรุ่นใหญ่วัยทำงาน กำลังถูกเด็กรุ่นใหม่อย่าง Barry Pepper, Jake Busey, Scott Caan รวมทั้ง Jack Black (ยุคยังไม่ดัง) ตามล่าด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สำคัญนี่คือหนัง Action/Thriller ที่มอบความรื่นเริงใจได้อย่างดีเยี่ยม
16.The Last Samurai โดย เบิกโรงซินีม่า
หนังผสมผสานระหว่างความเป็นงานดราม่า แอคชั่น รวมทั้งเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ได้อย่างพอดี พร้อมฉายภาพให้เห็นวิถีรวมทั้งจิตวิญญาณอันน่ากล่าวสรรเสริญของ “ซามูไร” ในยุคที่ความต้องการของซามูไรลดน้อยถอยลง รวมทั้งในยุคที่กระแสวัฒนธรรมของดินแดนอาทิตย์อุทัยกำลังอยู่ในตอนผลัดใบจากการไหลหลากเข้ามาของกระแสตะวันตก ส่วนอีกด้านหนึ่งของความเป็นหนังตลาด หนังมาพร้อมกับความรื่นเริงใจที่ดำเนินเรื่องได้สนุกสนาน ฮึกเหิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากรบอันยิ่งใหญ่รวมทั้งสื่อให้เห็นความกล้าหาญเกรียงไกรของซามูไร ซึ่ง “เคน วาตาที่นาเบ้” ในบทซามูไรคัทสึโมโต้ได้มอบการแสดงเอาไว้อย่างหนักแน่นไม่มีที่ติเตียน
17.Minority Report โดย JackobotReview
Minority Report เป็นการผสมผสานเรื่องราวในโลกอนาคตรวมทั้งเรื่องราวอาชญากรรมได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ถึงตัวหนังจะดูเป็นหนัง Sci-Fi แม้กระนั้นอารมณ์สำหรับเพื่อการรับดู Minority Report มันคืออารมณ์กดดัน ตื่นเต้นรวมทั้งนำพาให้รอยหยักในสมองได้ทำงานอย่างกับดูหนังอาชญากรรมชั้นเยี่ยม โดยมีเบื้องหลังเป็นโลกในอนาคตที่ออกแบบมาได้อย่างไม่เหมือนใครที่ถูกละเอียดลออสร้างมาได้อย่างเฉพาะบุคคล โดยยิ่งไปกว่านั้นเทคโลยีการสั่งงานคอมพิวเตอร์ด้วยมือไม่ก็เป็นพื้นฐานสำคัญของเทคโนโลยีจริงในโลกใบนี้ด้วย (หนัง Sci-fi ดูเหมือนจะทุกเรื่องในยุคนี้เอาเทคนิคนี้มาใช้กันหมดด้วยไป) แม้กระนั้นเทคโนโลในหนังก็ไม่ล้ำเหลือเกิน รวมทั้งยังตีกรอบอยู่ในความสมจริงสมจังที่เป็นได้มันก็ยิ่งทำให้เป็นหนังแนวอาชญากรรมที่มีรสชาติแปลกใหม่ รวมทั้งทวีคูณความสนุกขึ้นอีกหลายเท่าตัว
18.แหยม จังหวัดยโสธร โดย GossipGun
“แหยมจังหวัดยโสธร” ถือว่าเป็นหนังไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลอย่างปฏิเสธไม่ได้ อีกทั้งในแง่ของพล็อตรวมทั้งภาพ ถ้าเกิดทดลองกด Pause ไว้ที่วินาทีไหนก็ได้ของหนังหัวข้อนี้ ย่อมรู้ทันครั้งว่านี่คือ แหยมจังหวัดยโสธร ความดีความชอบทั้งหมดจำเป็นต้องชูให้ “กิน จ๊กม๊ก” ที่สะสมประสบการณ์การเล่าเรื่องมาจัดหนักกับภาพยนตร์หัวข้อนี้ จนกลายเป็นหนังที่สนุกสนานแบบ 100% รวมทั้งถูกจริตกับผู้ชมกรุ๊ปใหญ่ในประเทศนี้ เป็นความหรรษาอย่างสุดกำลัง โดยคุณกิน ดึงเอาความเป็นบ้านเกิดออกมาใส่ไว้ด้านในหนังอย่างกลมกล่อม เสนอวัฒนธรรมอย่างเข้าถึงง่าย ทำให้ผู้ชมรู้สึกใกล้ชิดรวมทั้งกันเองกับนักแสดง แม้จะอยู่คนละพื้นที่ก็ตาม บวกกับ Production Design ที่ผิดตา มีเอกลักษณ์ มีทิศทางอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ แหยมจังหวัดยโสธร กลายเป็นหนังที่พอดีที่สุดของ กิน จ๊กม๊ก ในเกือบทุกด้าน
19.Top Gun โดย What the Flick
ยุคนั้นจะหาชายผู้ใดที่หรูเท่ากับชายหนุ่มเจ้าฟ้าไฟแรง Maveric สวมบทโดยสุดหล่อ ‘ทอม อาจารย์ซ’ ในชุดนักบินรบ รวมทั้งแว่น Rayban มาดเท่ห์ ในสถานศึกษาฝึกหัดนักบินชั้นหัวกะทิ Top Gun ผลงานการปะทุความมันส์โดย ดอน ซิมป์ ซัน รวมทั้ง เจปรี่ บรัคฮายเมอร์ กำกับภาพยนตร์โดยโทนี สก็อต ที่จะพาคุณไปพบกับหนังแจ้งเกิด ทอม อาจารย์ซ ดาวดวงใหม่แก่ฟากฟ้าฮอลลีวูด เรื่องราวของมาเวริคที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ปมชีวิตอันเจ็บร้าว รวมทั้งความรัก รวมทั้งมีความขัดแย้ง เพื่อสานฝันสำหรับเพื่อการก้าวไปสู่นักบินรบระดับท็อป ความ เท่อันน่าหลงใหลที่เคยสร้างกระแสให้ชายหนุ่มอเมริกันน้อยใหญ่ แห่แหนกันไปลงสมัครเป็นนักบินด้วยมาดอันหล่อเหล่า รถจักรยานยนต์คันโต รวมทั้งแว่นตากันแดดเรย์แบนสุดเก๋า ทั้งยังเพลงประกอบอันไพเราะของยุค 80อันติดหู อย่าง Take My Breath Away ที่ยังพุ่งทะยานได้รับความนิยมติดชาร์ทไปพร้อมๆกับหนังรวมทั้งดารานำ บวกกับฉากแอคชันกลางฟ้าที่จะสนุกระห่า นับว่าเป็น ฉากที่เลิศ สาหรับผู้ที่พอใจในเรือบินรบ รวมทั้งพอใจในเรื่องของนักบินควรหามารับดูครับ นี่คือแรงผลักดันที่ดีทีเดียว
20.A Walk to Remember โดย GossipGun
A Walk To Remember คือหนังแห่งน้ำตาลูกเพศชาย น้อยครั้งนักที่จะมีหนังรักวัยรุ่นเสนอรักแท้ ผ่านมุมของเพศชาย เพราะเหตุว่าหนังรักมักมองผ่านมุมของผู้หญิงเป็นหลัก ไม่ก็เป็นหนังวัยรุ่นที่ไม่จริงจังอะไรนัก ไม่เหมือนกับหัวข้อนี้ที่เล่าแบบ Real ไม่เกินจริง ไม่ฟูมฟายจนเกินเหตุ ด้วยต้นฉบับที่สร้างมาจากหนังสือของ Nicolas Sparks เจ้าพ่อนิยายรัก ยืนยันได้เลยว่า นี่คือหนังรักหวานซึ้ง แม้กระนั้นสิ่งที่ไม่เหมือนกับหนังสือของเค้าเล่มอื่นๆคือหัวข้อนี้ลดระดับความโตของนักแสดง ทำให้เข้าถึงง่ายยิ่งกว่าในทุกวัย โดยรวมนี่คือหนังรักซาบซึ้งใจที่ดูเพลิดเพลิน เพลงไพเราะ อีกทั้ง Only Hope รวมทั้ง Someday We’ll Know แล้วคุณจะพบว่าข้างหลังดูหนังจบ คุณจะเสียน้ำตากับหนังหัวข้อนี้โดยไม่รู้ตัว
21.Speed โดย JEDIYUTH
ความดังของหนัง Speed หรือในชื่อไทย “สปีด เร็วกวานเกลื่อนกลาด” ในตอนที่ออกฉายในปี 1994 นับว่าเป็นปรากฏการณ์ เพราะเหตุว่าไม่เพียงเป็นหนังทำเงินอย่างมากมาย รวมทั้งทำให้เคียอานู รีฟส์ กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ กับแจ้งเกิดให้แซนดรา บูลล็อก กลายเป็นผู้แสดงดาวรุ่ง ความชื่นชอบของหนังยังมีผลให้เกิดกระแสการตัดผมทรง “สกินเฮด” กันไปทั้งโลก จวบจนกระทั่งวันนี้ก่อนหน้านี้กว่า 20 ปี เรายังเห็นร่องรอยของปรากฏการณ์นั้นอยู่
เนื้อเรื่องของหนังถือว่าสดใหม่มากเมื่อ 20 กว่าปีก่อน กล่าวถึงผู้ร้ายโรคทางจิตที่ขู่วางระเบิดรถบัสที่มีผู้โดยสารเต็มคันรถยนต์ ถ้าเกิดรถยนต์วิ่งช้ากว่าระบุ ทำให้รถยนต์คันนี้จำเป็นต้องซิ่งนรก ในช่วงเวลาที่พระเอกของเราก็หาทางช่วยคนบนรถบัสให้ไม่มีอันตรายด้วยไหวพริบปฏิภาณรวมทั้งความกล้าหาญ หนังยังมีผลให้เราลุ้นระทึกได้ครั้งใดก็ตามเอากลับมาดูใหม่
22.Dawn of the Dead โดย Poprock on FILM
เราสามารถบอกได้เต็มปากเต็มคำ อกผายไหล่ผึ่งว่า นี่เป็นงานชิ้นที่เหมาะสมที่สุดในลำดับแรกๆรวมทั้งบางทีอาจเป็นอันดับ ท็อป 3 ของ Zack Snyder เลยทีเดียว แม้นี่จะเป็นการรีเมคจากภาคเก่าที่ทำไว้ดีเยี่ยมๆแล้วหลังจากนั้นก็ตามในชื่อเดียวกันที่ฉายไปแล้วในปี 1978 รวมทั้งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม กับฉากที่คนตายลุกเดินไปทั่วทั้งเมือง ซึ่ง Dawn Of The Dead เองก็เป็นเหมือนหลักไมล์ของหนังซอมบี้กระหน่ำเมืองในยุคแรกๆเลยทีเดียว จวบจนกระทั่ง Zack Snyder นำมันมารีเมคอีกที มีการปรับเปลี่ยนหน้าที่ของนักแสดงไปบางส่วน แม้กระนั้นยังคงโลเคชั่นรวมทั้งเนื้อหาเหมือนของเดิมคือ การที่ เหล่าคนรอดพ้นจากความตายจากการรับเชื้อไวรัสที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ จำเป็นต้องไปติดอยู่ในช้อปปิ้งมอลล์ แม้จะมีอาหารการกินเพรียบพร้อม แม้กระนั้นซอมบี้ก็ล้อมพวกเขาไว้ทุกๆด้าน นอกจำเป็นต้องเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ด้านนอกแล้ว พวกเขายังจำเป็นต้องจัดการกับภัยเงียบที่มาจากมนุษย์ร่วมกันเองอีกด้วย Zack ดำเนินสะกดรอยงานเดิม แม้กระนั้นชั้นเชิงการดูแลของเขาก็ทำให้หนังสนุกสนานรวมทั้งลุ้นมาก รวมถึงเอกลักษณ์ในด้านงานภาพของ แซ็คที่ชอบมีฉากเด็ดๆเป็นจุดขายอยู่เป็นประจำ ซึ่ง Dawn Of The Dead ฉบับรีเมคคราวนี้ เป็นหนึ่งในยุคที่มีหนังซอมบี้ทยอยเข้าโรงมากมายก่ายกองจนเกือบจะกลายเป็นเทรนด์ของหนังยุคนั้นเลยทีเดียวเป็นกระแสซอมบี้มาแรงสุดๆยกตัวอย่างเช่น หนังซอมบี้ล้างเมืองขนานแท้ 28 day laters (2002) ของดินแดนนี่ บอล์ย รวมทั้ง หนังพะบู๊ซอมบี้สุดมันที่สร้างมาจากเกมดัง Resident Evil (2002) ของ พอล วิลเลี่ยม แอนเดอร์สัน ซึ่งในยุคนั้นมีหนังซอมบี้มากมายก่ายกองหลายสิบความเป็นจริงๆแม้กระนั้นมีที่ดีจริงๆไม่กี่เรื่อง ซึ่ง Dawn Of The Dead ของ Zack Snyder เป็นหนึ่งในนั้น มันคือหนังซอมบี้แห่งยุคเลยจริงๆ
23.เมืองในหมอก โดย STW Movie Style : Thailand
ไม่มีข้อสงสัยอะไรก็ตามสำหรับหนังหัวข้อนี้ที่ถูกจัดเป็นหนึ่งในหนังมรดกของชาติ เพราะเหตุว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆหนังของ ‘เพิมพล เชยใกล้รุ่ง’ หัวข้อนี้ถือว่าเป็นหลักไมล์ที่สำคัญสำหรับหนังฟิล์มถ่ายรูปนัวร์ในบ้านเราอย่างเห็นได้ชัด มันเป็นหนังที่ฉลาดในยุคนั้น ถ้าเกิดจะเรียกอีกแง่หนึ่งซึ่งมันเป็นหนังที่มาก่อนถึงเวลานั่นเอง รวมทั้งมันเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่สะท้อนค่าของภาพยนตร์ผ่านช่วงเวลาได้อย่างเห็นได้ชัด หนังบางเรื่องไม่จำเป็นที่ต้องประสบความสำเร็จในยุคนั้น แม้กระนั้นเวลานั่นแหละจะเป็นสิ่งที่ทดสอบค่าของมัน ถึงแม้หนังหัวข้อนี้จะถูกปรับเปลี่ยนมาจากคำประพันธ์เรื่อง ‘ความเข้าใจผิด’ ของ ‘กามูส์’ แม้กระนั้นมันก็ถูกปรับเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างให้เป็นแบบไทยเพิ่มมากขึ้น การเซ็ตสถานที่เมืองในหมอกสะท้อนความคลุมเครือของความเข้าใจผิดได้อย่างเห็นได้ชัด เราไม่ทราบว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด การสะท้อนความมืดหมองของชีวิต รวมทั้งจิตใจของนักแสดง ยิ่งรวมกับการเล่าเรื่องที่สร้างความระทึกรวมทั้งตื่นเต้นด้วยแล้ว นี่เป็นหนังไทยที่มีคุณค่าแก่การจดจำในประวัติศาสตร์ รวมทั้งเป็นหมุดตัวสำคัญสำหรับหนังไทยนับจากนั้นมา
24.Cyborg She โดย Poprock on FILM
หนังมีโปรแกรมเข้าฉายตอนปี 2008 ในช่วงเวลานั้นเป็นยุคที่หนังโรแมนติเตียนคคอมเมดี้ของประเทศเกาหลีกำลังถึงยุคหายซาพอดิบพอดี หลังจากที่ My Sassy Girl (2001) ของ จอนจีฮยอนเคยสร้างปรากฏการณ์ถล่มทลายโลกหนังรอมคอมของทวีปเอเชีย กระแส “ยัยตัวร้าย” ที่จอนจีฮยอนสร้างไว้ ได้เปลี่ยนเปนมาตรฐานให้หนังรอมคอมยุคต่อๆมาตามไปด้วย ต่อจากนั้นก็ยังไม่มีหนังประเทศเกาหลีหรือหนังทวีปเอเชียเรื่องไหน สามารถขึ้นแท่นมาเทียบกับ My Sassy Girl ได้แบบแจ่มแจ้งอีก จวบจนกระทั่ง จอนจีฮยอนจำเป็นต้องกลับมาอีกทีในหนังแนวเดียวกับ My Sassy Girl กลางแจ้งเกิดให้เธอ โน่นคือ Windstuck ในปี 2004 ซึ่งการคัมแบ็คคราวนี้ก็ค่อนข้างน่าผิดหวัง เพราะเหตุว่าเธอยังไม่สามารถทำได้ดียิ่งกว่าที่เคยทำได้ใน My Sassy Girl เลย มาตรฐานก็เลยจัดว่าเข้าขั้นที่เสมอตตัวแค่นั้น
แม้กระนั้นโน่นก็เป็นการซ้ำเติมเทรนด์หนังโรแมนติเตียนคคอมเมดี้ในยุคนั้นได้อย่างดีเยี่ยม นางเอกแก่นเซี้ยว เป็นยัยจอมดื้อดื้อดึง พระเอกเป็นชายหนุ่มซื่อแสนดี มีหนังพลอตทำนองนี้ออกมามากมายก่ายกองจนผู้คนเริ่มเบื่อหน่าย กระทั่ง วันหนึ่งมีข่าวสารว่า จะมีหนังโรแมนติเตียนคเรื่องหนึ่ง ที่เป็นการรวมทุนกันของประเทศเกาหลีรวมทั้งประเทศญี่ปุ่น ในชื่อ Cyborg She (ยัยนี่สวยจัง) ซึ่งคราวนี้จะเป็นหนังโรแมนติเตียนคอมเมดี้จากประเทศญี่ปุ่นบ้าง หน้าหนังรวมทั้งพลอตเรื่อง ถือว่าท้าคนดูพอเหมาะพอควร เพราะเหตุว่ามันดูเหมือนจะใช้เทรนด์หนังเดิมๆแบบ “ยัยตัวร้าย กับนายเจี๋ยมเจี้ยม” แม้กระนั้นเปลี่ยนแปลงจากคนเป็นหุ่นยนต์ กับชายหนุ่มซื่อบื้อคนหนึ่ง ในแบบประเทศญี่ปุ่นๆแม้กระนั้นดันกำกับโดยคนประเทศเกาหลี ซึ่งผู้กำกับการประเทศเกาหลีที่ว่านี่ก็คือ “กว๊ากแจยอง” ผู้กำกับ My Sassy Girl รวมทั้ง Windstuck นั่นเอง ซึ่งนี่ได้ผลสำเร็จงานที่จำเป็นต้องบอกว่า สามารถเปรียบเทียบกับงานชิ้นที่ดังของเขาอย่าง My Sassy Girl ได้เลยจริงๆเพราะเหตุว่า Cyborg She เล่าด้วยแก่นของเรื่องแบบเดิมๆคือ นางเอกสดใส ดื้อดึง รวมทั้งพระเอกซื่อบื้อแสนดี แม้กระนั้นหนังนั้นไปไกลกว่าการเป็นเพียงแค่หนังโรแมนติเตียนครักหนุ่มสาวปกติ มันยังมีการเสนอคำถามถึง ค่าของความเป็นมนุษย์หรือหุ่นยนตร์ แม้กระทั้งเรื่องความรักรวมทั้งการเสียสละ ส่งที่สะดุดตาอย่างมากในยุคนั้นคือ ฉากแผ่นดินไหวสุดตระการตา ที่เป็นฉากสำคัญของเรื่อง ด้วยเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟฟิคสุดตระการตา หนังใส่เนื้อหาเรื่องโลกคู่ขนานรวมทั้งการย้อนเวลาลงมาในหนังได้อย่างพอดี ในปีที่หนังเข้าฉาย หลายๆคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่ต้องการจะเชื่อเลยว่าฉันจะร้องไห้” นี่เป็นหนังรัก ระหว่าง มนุษย์รวมทั้งหุ่นยนตร์ ที่บันเทิงใจ รวมทั้งทำให้แม้กระทั้งเพศชายยังจำเป็นต้องน้ำตารื้น เป็นงานชิ้ยมาสเตอร์พีซของ กว๊ากแจยอง ที่สมควรแก่การยกไว้ในลิสต์หนังโรแมนติเตียนคคอมเดี้แห่งยุคของทวีปเอเชียเลยทีเดียว
25.Watchmen โดย Mr.Darkknight
คำอธิบายศัพท์ของคำว่าซุปเปอร์ฮีโร่ในตอนยุคข้างหลังๆได้ถูกเอามาแปลความใหม่รวมทั้งเพิ่มความเป็นมนุษย์เพิ่มความดาร์คเพื่อดูเหมือนจริงเยอะขึ้น
โน่นก็หมายความว่าเราจะมิได้เห็นเพียงแค่ฮีโร่ที่มีความดีงามรอบด้านแม้กระนั้นที่เราจะเห็นคือการแปลความหมายคำว่าฮีโร่ที่ผิดแผกแตกต่างออกไป หนังหัวข้อนี้ก็เลยมีหน้าที่สำหรับเพื่อการเล่าในเวลา 3 ชั่วโมงโดยที่เราก็ไม่อาจมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเรานั้นคือฮีโร่จริงๆหรือเปล่า มันก็เลยมีอีกทั้งความคลุมเครือทางศีลธรรมที่ถูกเสนอคำถามรวมทั้งตอบออกมาได้อย่างไม่เต็มปากถึงแนวทางการที่ทำลงไปว่ามันสมควรจริงๆหรือ ? เหนือสิ่งอื่นใดนี่คือหนังที่เป็นตัวสะท้อนรวมทั้งเสียดสีประเทศเบอร์หนึ่งของโลกอย่างอเมริกาได้อย่างเจ็บแสบ
26.Star Trek โดย หมื่นทิพ
เป็นหนังรีเมครวมทั้งหนังภาคต่อไม่กี่เรื่องที่สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสะใจ แฟนรุ่นเก่าดูแล้วอิน ส่วนคนดูรุ่นใหม่ดูแล้วก็ฟิน ถ้าเกิดถามคำถามว่าของดีมีอะไรบ้างก็ไล่ไปตั้งแต่พล็อตเข้มข้น, การดำเนินเรื่องที่เร้าใจรวมทั้งไต่ระดับความลุ้นอย่างมีรส, Effect เนี๊ยบละลานตา, ดนตรีถึงอารมณ์ รวมทั้งมุขตลกสอดที่แทรกลงมาแบบพอเหมาะพอควร
สำหรับแฟน Star Trek อย่างผมแล้ว หนังสานต่อตำนานได้อย่างยอดเยี่ยม แน่นอนครับว่าหลายสิ่งหลายอย่างต่างไปจากของเดิม แม้กระนั้นหนังก็สามารถบอกชี้แจง ผูกเรื่องโยงหลักสำคัญจนทำให้ความเปลี่ยนแปลงทุกจุดดูสมเหตุผล เชื่อมกับ Story เดิมได้อย่างเนียน รวมทั้งที่ต้องการตบมือดังๆคือศิลปินที่คัดเลือกมานั้นใกล้เคียงคาแรคเตอร์ชุดเก่ามาก ดูแล้วยอมรับได้สุดกำลังว่าพวกเขาเหล่านี้คือลูกเรือเอนเตอร์ไพรศรีส์ขนานแท้รวมทั้งดั้งเดิม
เป็นหนังอีกประเด็นที่ผมจำเป็นต้องถือมาดูทุกเดือน… ก็หนังมันกระตุ้นอะดรีนาลีนได้ชะงัดนัก
27ข้างหลังภาพ โดย Cinema Paradiso by Golffy
ผู้กำกับชั้นเอก เชิด ทรงศรี กับการนำวรรณกรรมเรียกน้ำตาสุดคลาสสิค งานเขียนโดยศรีทิศตะวันออก มาขึ้นจอภาพยนตร์อีกที เจ้าของกลุ่มคำโดนใจ “ฉันตายโดยปราศจากผู้ที่รักฉัน แม้กระนั้นฉันก็อิ่มเอมใจที่ฉันมีคนที่ฉันรัก” เรื่องราวของรักของหวงเปิดเผยมิได้ระหว่างคุณหญิงกีความกำหนัด ผู้มีใจให้กับนพพร เด็กวัยหนุ่มรุ่นน้อง ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นไปกับสามี และเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้จวบจนวันที่ร่างกายตายไปกับหัวใจที่แหลกสลาย ความรักอันสวยงามอย่างกับจำเป็นต้องคำสาปแช่งของคุณหญิงกีความกำหนัด ถูกเอามาถ่ายทอดครบสมบูรณ์เรียกตัวอักษร ผ่านอีกทั้งภาพลักษณ์รวมทั้งการแสดงที่เหมือนหลุดออกมาจากในนิยายจริงๆของคุณคาร่า พลสิทธิ์ ด้วยภาพรวม ส่วนประกอบรวมทั้งงานโปรดักชั่นที่ตั้งใจให้เหมือนยกย่องหนังไทยยุคเก่า บางทีอาจจะดูเชยไปในสายตาคนรุ่นใหม่ แม้กระนั้นก็พอดีไปกับเรื่องราว รวมทั้งเป็นการให้เกียรติวรรณกรรมอย่างชาญฉลาด หากคุณกำลังมองหาหนังรักเคล้าน้ำตา หรือหนังไทยดีๆสักเรื่อง …
‘ข้างหลังภาพ’ คืองานที่ไม่สมควรพลาด รวมทั้งแม้กระทั่งคุณจะใจหินแค่ไหน ก็บางทีอาจจะจำเป็นต้องหวั่นไหวต่อการรอรักแท้ของผู้หญิงที่ชื่อว่า ‘กีความกำหนัด’ … หนึ่งในนักแสดงแอบชอบผู้น่าสงสารที่สุดคนหนึ่งบนโลกภาพยนตร์ เพราะเหตุว่าถึงแม้ เธอจะเข้าใจว่าความรักนั้นสวยงามเพียงไหน แม้กระนั้นเธอก็ไม่มีวัน แม้จะได้พบ
28.Paprika โดย PatSonic
งานแอนิเมชั่นอันสะดุดตาจาก Satoshi Kon ผู้วายชนม์ ลักษณะงานโดยส่วนใหญ่ของ Kon คือการประสมประสานเรื่องราวของความเป็นจริงรวมทั้งจินตนาการเข้าด้วยกัน เสนอเรื่องราวปมในจิตใจอันดำมืดออกมาเป็นงานภาพเคลื่อนไหวที่น่าละลานตา ตื่นใจ รวมทั้ง Paprika ก็อยู่ในข้อนั้น เรื่องราวของความฝันของมนุษย์ที่ธรรมดาก็อยู่จิตของคนใดกันแน่ของมัน ไม่บางทีอาจแบ่งสรรร่วมฝันกับคนใดกันแน่ได้ รวมทั้งเป็นความลับเฉพาะบุคคลที่มีเพียงผู้ฝันแค่นั้น ที่จะสร้างมัน จดจำ หรือลืมมันไป ไอเดียของการเก็บข้อมูลความฝันจากสมองอัจฉริยะของเด็กวัยหนุ่มร่างอ้วนๆคนหนึ่ง เปลี่ยนมาเป็นเทคโนโลยีที่สุดล้ำเหนือจินตนาการ
อุปกรณ์เก็บข้อมูลความฝันที่ชื่อ “ดีซีมินิ” ที่ยังอยู่ในขั้นทดลอง รวมทั้งยังออกแบบโปรแกรมควบคุมได้ไม่สมบูรณ์ ได้ถูกลักขโมยไปอย่างไม่ทราบมูลเหตุ ทีมค้นคว้าวิจัยจำเป็นจะต้องแสวงหาเจ้าเครื่องนี้ที่หายไป การผลิตเทคโนโลยีด้วยกำลังขับเขยื้อนแบบเด็กๆบางทีอาจไม่ใส่ใจคิดอย่างถี่ถ้วนถึงผลที่จะเกิดขึ้นตามมา มีความฝัน ก็สร้างประดิษฐกรรมอันมีแรงผลักดันจากความฝัน แม้กระนั้นลืมคิดถึงผลร้ายจากคนอัลธพาลที่จะนำเทคโนโลยีสุดล้ำนั้นไปใช้ ท้ายที่สุด เรื่องร้ายก็เกิดขึ้นรวมทั้งลุกลามใหญ่โตมากมายก่ายกอง
งานภาพช่างน่าละลานตา เมื่อจินตนาการมาบรรจบกับความเป็นจริงผ่านลายเส้นเนียนๆเพิ่มเติมเข้ากับเพลงประกอบสะดุดใจ ชูให้ Paprika คือหนึ่งในแอนิเมชั่นจากประเทศญี่ปุ่นที่คุณจำเป็นต้องดู
29.What Dreams May Come โดย แมวตัวนั้นนั่งดูหนังตรงแถว C
โรบิน วิลเลี่ยมส์ เป็นผู้แสดงในดวงใจของใครหลายๆคน รวมทั้งถ้าเกิดพูดถึงผลงานของฮี หลายๆคนจะคิดถึงหัวข้อนี้ What Dreams May Come พลังรักข้ามเส้นขอบฟ้า ตามรักถึงสรวงสวรรค์ (ป๊าดด ชื่อไทยนี่ นึกว่าโปเยโปโลเย)
เรื่องราวของครอบครัวที่อบอุ่นมีลูกวัยรุ่นสองคน ทุกๆตอนเช้าแม่จะทำงานขับรถไปส่ง ทุกๆอย่างเป็นไปด้วยดี จวบจนกระทั่ง ลูกชายรวมทั้งบุตรสาวเผชิญอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งสอง ตอนหลังพระเอกถูกรถชนเสียชีวิตอีกคน ทำให้นางเอกโทษว่าทุกๆอย่างเป็นความผิดตัวเอง ท้ายที่สุดก็ฆ่าตัวตาย ในเวลาที่พระเอกรวมทั้งลูกๆอยู่บนสววรค์ แม้กระนั้นคนฆ่าตัวตายนับว่าเป็นบาปอย่างหนึ่ง แน่นอนนางเอกตกนรก ด้วยความรักภรรยา พระเอกก็เลยเพียรพยายามเสี่ยงลงไปนรก เพื่อตามหาเมียของเค้ารวมทั้งพากลับมาสรวงสวรรค์ร่วมกัน ท้ายที่สุดจะช่วยได้สำเร็จหรือเปล่าจำเป็นต้องทดลองหามาดู
นี่คือหนังดีอีกประเด็นที่ชี้แนะ นอกจากปลื้มปิติ ซาบซึ้งใจในเพลงไพเราะรวมทั้ง ภาพที่โคตรงามสมกับที่ได้ออสการ์เทคนิคพิเศษด้านภาพในปีนั้นแล้ว ยังสอนอะไรเราได้มากมาย หนังเหมาะสมกับคนประเทศไทยที่เชื่อในศาสนาพุทธ เชื่อในเรื่องของ บุญบาป นรกสววรค์อีกด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างใน โลกล้วนไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ ก็ควรจะมีดับไป ไม่มีอะไรยั่ง
เรื่องราวของครอบครัวที่อบอุ่นมีลูกวัยรุ่นสองคน ทุกๆเช้าแม่จะเป็นคนขับรถไปส่ง ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนกระทั่ง ลูกชายและลูกสาวประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ ภายหลังพระเอกถูกรถชนเสียชีวิตอีกคน ทำให้นางเอกโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดตัวเอง สุดท้ายก็ฆ่าตัวตาย ในขณะที่พระเอกและลูกๆ อยู่บนสววรค์ แต่คนฆ่าตัวตายถือเป็นบาปอย่างหนึ่ง แน่นอนนางเอกตกนรก ด้วยความรักเมีย พระเอกจึงพยายามเสี่ยงลงไปนรก เพื่อตามหาภรรยาของเค้าและพากลับมาสวรรค์ด้วยกัน สุดท้ายจะช่วยได้สำเร็จหรือไม่ต้องลองหามาดู
นี่คือหนังดีอีกเรื่องที่แนะนำ นอกจากซาบซึ้ง ประทับใจในเพลงเพราะและ ภาพที่โคตรสวยสมกับที่ได้ออสการ์เทคนิคพิเศษด้านภาพในปีนั้นแล้ว ยังสอนอะไรเราได้มากมาย หนังเหมาะกับคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ เชื่อในเรื่องของ บาปบุญ นรกสววรค์อีกด้วย ทุกสิ่งใน โลกล้วนอนิจจังเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีดับไป ไม่มีอะไรยั่งยืน ไม่ว่าจะดีใจหรือเศร้าโศกฟูมฟายแค่ไหน ไม่ช้าอารมณ์นั้นจะจบ และผ่านไป แต่สิ่งที่ยังอยู่กับตัวเราก็คือปัจจุบัน เมื่อวันใดวันหนึ่งที่เราเจอเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น ต่อให้ร้ายแรงแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่ายังมี นั่นคือ “ศรัทธา” และ “ความรัก ”
30.Hero โดย สัมพันธ์นิยมหนังอินดี้
ส่วนประกอบของภาพยนตร์หัวข้อนี้ซึ่งถูกโจษขานเยอะที่สุดคือ การใช้โทนสี แตกต่างกันไปแต่ละช่วงเวลา เพื่อสะท้อนถึงห้วงอารมณ์ของตัวหนังโดยภาพรวมรวมทั้งหลักสำคัญที่แฝงไว้ ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่สะท้อนสะเทือนจิตใจเยอะที่สุด กลับกลายแก่นของภาพยนตร์ที่พูดถึงเรื่อง ‘วีรบุรุษ’ หนังเสนอคำถามว่า วีรบุรุษที่จริงนั้นเป็นเยี่ยงไร? นักแสดงตัวใดบ้างสามารถนิยามว่าเป็นวีรบุรุษ? วีรบุรุษมีระดับขั้นมั้ย? วีรบุรุษจำเป็นต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ถึงระดับไหน? กระทั่งชีวิตของตัวเอง? วีรบุรุษนั้นมีความน่าจะเป็น? มนุษย์สามารถเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ส่วนตนเพื่อส่วนรวมได้จริงหรือ? ความยิ่งใหญ่ของชนชาติหนึ่งๆจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนมาด้วยเลือดเนื้อของวีรบุรุษจำนวนนับไม่ถ้วนเสมอ?
31.Juno โดย โรงหนังที่ 3 ที่นั่ง E12
ในเวลาที่การตั้งครรภ์มันคือการถือกำเนิดของชีวิต แม้กระนั้นในขณะเดียวกันหากมันมาเวลาที่ไม่เหมาะสมมันก็บางทีอาจจะหมายความว่าตอนจบของชีวิตใครสักคนเหมือนกัน รวมทั้งถ้าเกิดเรื่องราวนี่มันดันเกิดขึ้นกับตัวเราเวลาที่ไม่พร้อมล่ะเราจะทำเช่นไร?
JUNO คือหนึ่งในหนังที่หยิบยกเอาหลักสำคัญเรื่องการท้องในวัยศึกษามาเล่าได้สะดุดตาเกินหน้าเกินตาหนังแนวเดียวกันไปมาก คือแม้ด้วยหน้าหนังมันจะถูกเห็นว่าเน้นไปที่ปัญหาเพศสัมพันธ์ในวัยศึกษาแม้กระนั้นที่จริงแล้ว JUNO มันคือหนัง Coming of Age ที่ซ่อนเร้นนัยมาได้อย่างแนบเนียนรวมทั้งเลอค่าสมรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยียมออสการ์ปีนั้นจริงๆ
เค้าว่ากันว่าวัยรุ่นคือวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ บางบุคคลบางทีอาจจะถึงจุดเลี้ยวเร็วหรือช้าแตกต่างกัน แม้กระนั้นเมื่อวันหนึ่งจุดเลี้ยวนั้นดันถูกสนับสนุนให้เข้ามาหาเราเร็วขึ้นด้วยเด็กแรกเกิดตัวน้อยๆสิ่งที่เลี่ยงมิได้คือเราจะแปลงสถานะจากเด็กไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ในเลวทรามอึดใจเดียว
สิ่งที่ JUNO ทำเพื่อจัดการกับการควรเป็นผู้ใหญ่ก็คือเธอเพียรพยายามจะเป็นผู้ใหญ่จริงๆให้ได้ จากการแสดงออกที่เห็นชัดไม่ว่าจะเป็นการบอกการจา การตัดสินใจจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อาการแน่ใจ ไม่ยี่หระต่อปัญหาข้างหน้า จนหลายครั้งเธอก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ไปแล้วจริงๆ
แม้กระนั้นในเวลาที่ท้องของเธอโตขึ้นเรื่อยเธอกลับพบว่าในความเป็นผู้ใหญ่ที่เธอเพียรพยายามจะเป็นให้ได้นั้นมันช่างซับซ้อนรวมทั้งเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของความรักที่ “ทำไมมนุษย์เราถึงรักกันรวมทั้งอยู่ร่วมกันตลอดกาลมิได้” อย่างผู้ที่ครองคู่กันในแบบที่เธอคิดฝันไว้มาตลอด รวมทั้งตลอดเวลา 9 เดือนที่อุ้มท้องมันก็ทำให้ JUNO ตระหนักได้สุดท้ายว่าการฝ่าฝืนทำอะไรที่ไม่ใช่มันช่างไม่เข้าท่า สู้ปลดปล่อยให้มันเป็นไป ค่อยๆศึกษาผ่านประสบการณ์รวมทั้งกระทั่งกำลังจะถึงวันที่เธอ “โตแล้ว” จริงๆเธอก็คงจะรู้เองในวันนั้นว่าคำตอบของความเกี่ยวข้องซับซ้อนที่เธอตามหาน่ะมันเป็นอย่างไรกันแน่
32.Face/Off โดย Filmsoon.com
หนังแอคชั่น-ตื่นเต้นกล่าวถึงเรื่องราวการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างนายตำรวจมือพระกาฬ ฌอร์น อาร์เชอร์(จอห์น ทราโวลต้า)รวมทั้งเจ้าพ่อมาเฟียโรคทางจิต แคสเตอร์ ทรอย(นิโคลัส เคจ) เป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่ฌอร์นตามล่าตัวแคสเตอร์ ด้วยเพราะเหตุว่าเจ้านี่คือผู้ร้ายตัวเอ้รวมทั้งยังเป็นคนลอบฆ่าลูกชายของเขา
จากเหตุผลอีกทั้งเรื่องหน้าที่รวมทั้งเรื่องส่วนบุคคลนี่เองทำให้การไล่ล่ากันครั้งล่าสุดฌอร์นวางกำลังล้อมจับแคสเตอร์ได้ได้ผลสำเร็จสำเร็จรวมทั้งจบลงที่แคสเตอร์นอนโคม่า แม้กระนั้นคดียังปิดมิได้เพราะยังมีเหตุบางประการ ฌอร์นรวมทั้งเพื่อนตำรวจไม่กี่คนก็เลยวางแผนการณ์ล้วงความลับของแคสเตอร์ด้วยการสลับใบหน้าของแคสเตอร์มาใส่ใบหน้าาของเขา ในระหว่างนั้นเองแคสเตอร์กลับฟื้นขึ้นมารวมทั้งซ้อนแผนด้วยการเอาใบหน้าของฌอร์นมาใส่ให้ตัวเองบ้าง เมื่อชีวิตโดนลักขโมยทำให้ฌอร์นในสภาพของแคสเตอร์ต้องหาทางทวงคืนชีวิตของตนรวมทั้งตามไล่ล่าแคสเตอร์ตัวจริงที่กำลังบันเทิงใจกับการใส่รอยเป็นเขาอยู่ในตอนนี้
ด้วยเค้าเรื่องที่ผูกเรื่องราวได้น่าติดตามรวมทั้งหลักสำคัญดราม่าของนักแสดงที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเข้มข้นผ่านการแสดงของเคสรวมทั้งทราโวลต้า อีกทั้ง 2 สามารถถ่ายทอดลักษณะท่าทางนักแสดงของตนรวมทั้งสลับกันเป็นอีกข้างได้อย่างน่าทึ่ง เคสได้เล่นเป็นไอ้โรคทางจิตก็จิตแตกแบบสุดๆแม้กระนั้นพอเพียงมาเป็นคนดีดีแล้วจนน่าสงสาร ส่วนทราโวลต้าก็ดูเป็นคนดีอยู่แล้ว พอเพียงสลับเป็นตัวร้ายก็ร้ายลำพองใจ ทั้งยังฉากแอคชั่นในเรื่องก็ทำออกมาได้ดีมากและไม่ได้แออัดการสาดกระสุนมากเกินความจำเป็นจนดูเฟ้อ แม้กระนั้นเราจะได้เห็นการออกแบบคิวบู๊รวมทั้งอาการการเคลื่อนไหวของนักแสดงที่ดูมีศิลป์รวมทั้งรับทราบได้ว่ามันผ่านการคิดมาแล้ว จากส่วนประกอบทั้งหมดที่ว่ามาทำให้คอหนังแอคชั่นกี่รุ่นต่อกี่รุ่นก็ไม่สมควรที่จะพลาดดูหนังหัวข้อนี้ด้วยประการทั้งปวง
33.The Insider โดย โรงหนังที่ 3 ที่นั่ง E12
ต้องการที่จะให้คุณลองนึกดูตาม มันจะคืออะไรถ้าเกิดคนธรรมดาคนนึงหาญกล้าจะยืนขึ้นมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้องโดยยอมเอาชีวิตที่เหลือของตนเป็นพนัน ที่จริงแล้วศัตรูที่เขาควรต้องเผชิญด้วยนั้นมันเป็นอะไรที่ว่ากันตามจริงแล้วไม่สามารถที่จะไปประมืออะไรด้วยได้เลย… มันเป็นศึกที่แพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันคิดจะสู้ เพราะปรปักษ์เป็นถึงบริษัทขายยาสูบยักษ์ใหญ่หนึ่งในสามของประเทศที่มีอำนาจมืดล้นมือแถมยังพ่วงมาด้วยกำลังเงินที่สามารถควบคุมสื่อระดับบิ๊กของสหรัฐได้อีกต่างหาก ชีวิตของชายปกติคนนี้มันช่างมืดมนเป็นบ้า แม้กระนั้นฟังดูแล้วมันก็น่าค้นหาอย่างยิ่งว่าที่สุดแล้วศึกครั้งนี้มันจะไปจบลงอย่างไร?
The Insider อีกหนึ่งผลงานขึ้นหิ้งของผู้กำกับการที่ทำหนังได้ “โคตรเท่ห์” Michael Mann หัวข้อนี้สร้างมาจากความเป็นจริงของ ดร.เจฟฟรีย์ ไวด์แกน(Russell Crowe) อดีตหัวหน้าศูนย์วิจัยบริษัทขายยาสูบ B&W รวมทั้งเป็นนักเคมีศาสตร์ตัวท๊อปของวงการคนนึง
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่งไวด์แกนโดนไล่ออกพร้อมจับเซ็นสัญญาห้ามเผยความลับบริษัท แม้กระนั้นความลับนั้นมันยังคงค้างอยู่ในความรุ้สึกผิดชอบเลวทรามดีของเขา เพราะเหตุว่าความลับนั้นมันเป็นความลับที่มีผลรุนแรงอย่างมากมายต่อร่างกายราษฎรสหรัฐ ในตอนนั้นเองไวด์แกนก็ได้เจอกับโปรดิวเซอร์รายการทีวีโชว์ “60 minute” โลเวน เบิร์กแมน(Al Pacino) ที่สมัครใจจะช่วยไวด์แกนเผยความลับดำมืดอันสะอิดสะเอียนนี้ให้ราษฎรได้รับรู้ผ่านรายการของเขา แม้กระนั้นทันทีที่ไวด์แกนตกลงใจเปิดเผยความลับ วิบากกรรมของเขาก็เริ่มขึ้น เขาโดนขู่ฆ่าอีกทั้งครอบครัวจนตลอดตัวเขารวมทั้งลูกภรรยาเกือบจะสติแตก โดนหมายศาลข้อกล่าวหาผิดสัญญาห้ามเผยความลับ โดนป้ายสีจากสื่อที่บริษัทยักษ์ใหญ่ควบคุมอยู่ แถมรายการ “60 Minute” เทปที่เขาไปออกก็โดนอำนาจลึกลับสั่งแบนเอาดื้อๆเสียอีก
ในฐานะของพ่อ
ในฐานะของสามี
ในฐานะของราษฎรสหรัฐ
ในฐานะของคนดี
ไวด์แกนควรทำอย่างไร รวมทั้งเรื่องราวมันจะไปจบลงที่ไหน เชิญชวนหามาพิสูจน์กันได้เลยครับ รับประกันความเท่ห์ ความดิบ ความดุ ความแมน รวมทั้งความดราม่าตับแตก โดย Michael Mann (ยุคยังพีคๆ)ครับ
34.The Ring โดย Cinema Paradiso by Golffy
จากนวนิยายสุดสะพรึงที่ผสมผสานเรื่องผีๆเข้ากับวิทยาศาสตร์ได้อย่างน่าทึ่งของซูซุกิ โคจิ สู่การเป็นมินิซีรีส์ได้รับความนิยมทางโทรทัศน์ รวมทั้งภาพยนตร์เขย่าขวัญระดับตำนานของประเทศญี่ปุ่น จนมาถึงมือฮอลลีวู้ดเอามารีเมค โดยผู้กำกับ กอว์ เวอร์บินสกี้ เรื่องราวหลอนของคำสาปแช่งที่บันทึกลงสู่ม้วนวีดีโอ ความแค้น ความเกลียดโลกมนุษย์
ซึ่งถ้าเกิดคนใดกันแน่ได้ดูสิ่งที่ปรากฏในวีดีโอม้วนนั้นต้องมีอันเป็นไปในเจ็ดวัน กับเอกลักษณ์ผีสาวผมยาวคลานออกจากโทรทัศน์ การแปลความหมายใหม่ครั้งนี้ ให้ผลลัพธ์ยอดเยี่ยม แม้จะหลอนน้อยกว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับ แม้กระนั้นก็มีภาพรวมที่เป็นความหรรษา พอดี ดูง่าย รวมทั้งคล้ายคลึงกับตัวนวนิยายมากยิ่งกว่า ความสะดุดตาของเวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดอยู่ที่พลังศิลปินของนางเอกที่นาโอมิ วัตต์ส รวมไปถึงงานโปรดักชั่น โดยยิ่งไปกว่านั้นการดูแลภาพ รวมทั้งเทคนิคพิเศษ ซึ่งทำได้อย่างสวยงาม เหมือนจริง เมื่อรวมเข้ากับบทภาพยนตร์ที่แปลงจากเรื่องราวรู้จักดีให้สากลเพิ่มมากขึ้น ทำให้ The Ring ฉบับฮอลลีวู้ด น่าจะเป็นหนึ่งในงานรีเมคหนังสยองขวัญทวีปเอเชียที่เหมาะสมที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยมีมา
35.เสียดาย โดย STW Movie Style : Thailand
ถ้าเกิดเราคิดถึงหนังไทยที่กล้าบอกเรื่องสารเสพติด รวมทั้งปัญหาภายในครอบครัวก็คงจะมีอยู่จำนวนหนึ่ง แม้กระนั้นหนังไทยที่สะดุดตารวมทั้งพูดถึงผู้หญิงกับเรื่องสารเสพติดเราจะพบว่ามันถูกจำกัดจำนวนลงอย่างมาก แน่นอนว่าหนึ่งในหนังไทยที่เราไม่มีวันไม่คำนึงถึงเลยคือเรื่อง ‘เสียดาย’ ผลงานโชว์ความเป็นนักแสดง รวมทั้งนักทำหนังของ ‘หม่อมเจ้า ชาตรี เฉลิมยุคล’ ในยุคที่เรียกว่าช่วงเวลาของหนังประสิทธิภาพของผู้กำกับท่านนี้ หนังซื่อตรง แจ่มแจ้ง รวมทั้งขวานผ่าซากสำหรับเพื่อการเสนอภาพของหญิงวัยศึกษาที่ติดยาเสพย์ติด รวมทั้งมีเส้นทางเดินชีวิตที่ไม่สวยหรูเท่าใดนัก ไม่เพียงเท่านั้นหนังเองยังมีความเป็นสารคดีด้วยการเอาบุคคลมานั่งเล่าความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
โน่นทำให้หนังมีความเชื่อมโยงระหว่างความเป็นจริง รวมทั้งเรื่องแต่งอย่างมากทีเดียว ซึ่งมันทำให้คนดูเองสามารถเข้ามามีส่วนสำหรับเพื่อการมอง รวมทั้งวิพากษ์ปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัวที่แม้กระทั้งนักแสดงเองก็ไม่มีวันรู้ มันก็เลยมีสถานะที่เป็นอีกทั้งคนเล่าเรื่องเรื่องราว รวมทั้งเป็นผู้ผลิตความมีส่วนร่วมของคนดูสำหรับเพื่อการพินิจพิเคราะห์รวมทั้งตัดสินสิ่งที่เกิดขึ้น ในตอนท้ายแล้วขอบอกเลยว่าไม่มีหนังไทยเป็นจำนวนมากนักหรอกที่กล้าทำแบบหนังหัวข้อนี้
35 หนังดีที่คู่ควรแก่การรับชม