2 ประตูของ หงส์แดง ถูก VAR ยึดคืน ก่อนที่จะ VAR จะบรรจงมอบจุดลูกโทษที่ 2 ให้ ไบรท์ตัน ตีเสมอซะแบบงั้น !!!
1. เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดทีมแบบไม่เต็มสูบสักเท่าไหร่ในระบบ 4-2-3-1 โดย โฌแอล มาติ๊ป ดันมาหายตัวไปอีกคนยากจนจะต้องเอาดาวรุ่งอย่าง เนโก วิลเลี่ยมส์ กับ แน็ตต์ ฟิลลิปส์ ลงตัวจริง
ทาคูมิ มินามิโนะ ได้ลงในตำแหน่ง ‘หน้าต่ำ’ เพื่อให้ โรกางร์โต้ ฟีร์มิโน่ เป็นหน้าเป้า ประชิดด้วย โม ซาล่าห์ และดิโอโก โชต้าส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ซาดิโอ มาเน่ ถูกขังไว้ภายในซุ้มม้านั่งสำรองก่อน
แม้จะไม่สมประกอบ แต่ว่าด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่สูงกว่าก็คงจะ ‘เอาอยู่’ ครับ ว่าแล้วพลพรรคหงส์ก็เริ่มต้นในตอน 10 นาทีแรกได้เหนือกว่าอย่างแจ่มแจ้ง
2. ไบรท์ตัน เป็นทีมที่เล่นได้แบบ ‘มีทรง’ อยู่แล้วครับ โดยจะใช้การเซ็ตบอลจากในแดนตัวเองพลางต่อบอลและทำชิ่งกันห้ำหั่นกับคู่แข่ง
ข้างหลังตั้งตัวได้ พวกเขาก็เริ่มครองบอลได้มากขึ้น ก่อนใช้จังหวะหยาบ ดังเช่นว่าการวางตัดข้างหลังแบ็คเข้าโจมตี หงส์แดง ที่แนวรับมองหลวมๆและมีช่องว่างเข้ารุกราน
เจ้าถิ่นเล่นกันได้ดีอย่างยิ่งจริงๆ การรับจ่ายบอลแม่นยำอีกทั้งสั้นและยาว แต่ว่าปัญหาที่อยู่คู่ทีมนวลนางแดนใต้มาตลอดเป็นปราศจากความเด็ดขาด
บ่อยที่เล่นดีมีโอกาสแล้วดันปล่อยให้เลยไปในอวกาศ ขนาดได้จุดลูกโทษ และมีโอกาสขึ้นนำก่อน ยังอุตส่าห์เอามันไปเขวี้ยงทิ้งลงโถส้วมเลยครับคุณ
3.ช่วงเวลาเดียวกันมันเป็นเกมที่ หงส์แดง เล่นได้ต่ำยิ่งกว่ามาตรฐานของตน แบ็คขวาอย่าง เนโก วิลเลี่ยมส์ แปลงเป็นข้อด้อย แดนกึ่งกลางก็ขับเกมไม่ถนัดนัก มินามิโนะ ในตำแหน่งลำดับที่ 10 ก็ปกติเหลือเกิน ไม่มีทีเด็ด เกมรุกมองอืดๆและปราศจากความดุเดือด แถมหาจังหวะจบสกอร์ได้น้อยไปหน่อย
แม้กระนั้น ด้วยความไม่เฉียบคมของ ไบรท์ตัน ทำให้พวกเขาถูกลงโทษ เพราะเหตุว่ามีโอกาสแล้วทำไม่ได้เอง สุดท้ายเสียประตูให้ลิเวอร์พูลจนได้
4. เมื่อ หงส์แดง ขึ้นนำ 1-0 ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แม้จะโชว์ฟอร์มกันได้ไม่งามสักเท่าไหร่ แต่ว่าเกมรุกของเจ้าบ้านก็ไม่มีประสิทธิ์ภาพเพียงพอ
แต่ว่าใครจะไปรู้ว่า VAR จะแผลงฤทธิ์ !!!
จุดลูกโทษของ ไบรท์ตัน มาจากจังหวะที่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ไปหวดเท้าของ แดนนี่ เวลเบ็ค
เท่าที่เห็นจากภาพช้า นักเตะที่เด็กหงส์เรียกว่า ‘ร็อบโบ้’ มิได้เจตนาทำฟาวล์อย่างแน่นอน
มิซ้ำในจังหวะนั้น ‘ท่านพระอิศวร’ ก็ไม่น่าจะครองบอล หรือเกี่ยวบอลไปหาจังหวะทำประตูได้ซะด้วย
ตามคอมม่อนเซ้นส์ – ไม่น่าจะเป็นจุดลูกโทษครับ
หรือไม่ให้ก็อาจไม่มีใครว่า
แต่ทว่าผู้รักษาความถูกต้องอย่าง VAR กลับไม่ยินยอมปล่อยผ่าน แล้วให้ผู้ตัดสินไปดูเองอีกครั้ง
ผมก็มองดูเหมือนเด็กหงส์โดยมากนั่นแหละครับว่าไม่น่าจะเป็น ‘จุดลูกโทษ’ นะ
อ้าว…แล้วเหตุไร ผู้ตัดสินถึงลามกให้เป็นจุดลูกโทษล่ะ ???
เหตุผลที่ผมเพียงพอจะเอามาชี้แจงได้ ณ ที่นี้ เป็น…ท่านตุลาการสนามวินิจฉัยแบบ ‘ตรงไปตรงมา’ ตามกฏกติกามากจนเกินความจำเป็นหน่อย
คิดกล้วยๆแบบงี้ครับ เป็นถ้าเกิดเรื่องราวนี้เกิดขึ้นนอกกรอบจุดโทษ มันเป็นการฟาวล์ไงครับ เพราะเหตุว่าเท้าของ โรเบิร์ตสัน หวดไปโดนเท้าของ เวลเบ็ค โดยมิได้สัมผัสบอล
ถ้าเกิดเอาตามกฏมันก็ฟาวล์ ถ้าหากขึ้นนอกเขตก็เป็นฟรีคิก ถ้าหากขึ้นในเขต ก็เป็นจุดลูกโทษ ตามหลัก ‘นิติศาสตร์’
แต่ว่าถ้าเกิดใช้หลัก ‘วิชารัฐศาสตร์’ หรือมี ‘ศิลป์’ สำหรับการวินิจฉัย ถึงแม้ว่าจะ เวลเบ็ค ไม่โดนสกิดจังหวะนั้นก็ทำประตูมิได้หรอก บอลทะลักหนีเขาไปตั้งแต่จังหวะแรกแล้ว
5. นอกจากโทษความตรงไปตรงมาเหลือเกินของการวินิจฉัย รวมถึงความเฮงซวยของ VAR แล้ว หงส์แดง อาจถูกทำโทษตัวเองด้วยที่เล่นไม่ค่อยดีนัก และยิงประตูที่ 2 เพิ่มไม่สำเร็จ
กระนั้นยังขอยกตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ให้ VAR นี่แหละ สมแล้วที่โดนทัวร์ลงไปตามกฎเกณฑ์ แถมทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มิได้เกี่ยวอะไรยังจะต้องมาโดนหางเลขไปด้วย
